“จากเดิมที่โครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ จะต้องเริ่มต้นที่ขั้นตอนการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมก่อน ซึ่งที่ผ่านมามีหลายโครงการที่มีปัญหาเรื่องความสมบูรณ์ของรายงานจึงใช้เวลานาน ทำให้ไม่สามารถเริ่มดำเนินการในขั้นตอนอื่นต่อไปได้ ทั้งการหาผู้ร่วมลงทุน หรือลงนามในสัญญา ดังนั้น คำสั่งนี้จึงมีขึ้นเพื่อให้ขั้นตอนต่อ ๆ ไปสามารถทำควบคู่กันไปได้”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อประเทศไทย รัฐบาลจึงต้องการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน โดยในช่วงต้นปี 59 จะมุ่งผลสำเร็จของมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล ส่วนกลางปีถึงปลายปี จะเน้นการลงทุนเมกะโปรเจ็คด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างการลงทุน และเกิดการจ้างงาน ฯลฯ โดยหากโครงการต่าง ๆ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที ก็ยิ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
“ท่านนายกฯ และรัฐบาลยินดีรับฟังข้อห่วงใยของกลุ่มองค์กรทั้งหลาย แต่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน โดยยืนยันว่าจะไม่ให้การทำ EIA หรือ EHIA เป็นเพียงแค่พิธีกรรม หรือการกระทำให้ครบตามขั้นตอนเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตของประชาชน หากในที่สุดผลการประเมินไม่ผ่าน ก็จะไม่ดำเนินการต่ออย่างแน่นอน ขณะเดียวกันกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ก็ต้องเข้าใจภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่จำเป็นต้องเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม จึงจำเป็นต้องบริหารโครงการโดยใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ทั้งนี้ ยอมรับว่าในอนาคตอาจเกิดผลกระทบต่อผู้ร่วมลงทุนบ้าง หากผลการประเมินไม่ผ่าน แต่ยืนยันว่าจะไม่เกิดความเสียหาย เพราะยังไม่มีการผูกพันสัญญาใด ๆ
รัฐบาลจึงขอวิงวอนให้กลุ่มองค์กรทั้งหลาย ได้เข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริง และเปิดใจรับฟังมุมมองด้านอื่นควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาล สนช. และสปท. กำลังเดินหน้าปฏิรูปกระบวนการ EIA และ EHIA ให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อวางรากฐานการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืนต่อไป”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th