นายไมตรี กล่าวว่า จากกรณีเด็กเรียนหญิงชั้น ม.๔ อายุ ๑๖ ปี ต้องคอยดูแลแม่ อายุ ๔๙ ปี ที่ป่วยเป็นอัมพาตและแผลกดทับ และพ่อพิการขาขาด ครอบครัวมีฐานะยากจน ต้องเก็บขยะขายเพื่อเป็นรายได้นำเงินมาเลี้ยงครอบครัว ที่ จ.ปราจีนบุรี กรณีเด็กชาย อายุ ๑๐ ปี เรียนชั้น ป.๔ เป็นเด็กเรียนดีแต่ฐานะยากจน ต้องการให้ยาย อายุ ๕๖ ปี และ น้าชาย อายุ ๓๒ ปี หายป่วยจากความพิการ พร้อมทั้งต้องการให้ตา อายุ ๖๐ ปี ได้มีบ้าน เนื่องจากครอบครัวต้องอาศัย หลับนอนบริเวณใต้ถุนบ้านญาติมานานกว่า ๑๐ ปี ที่ จ.อ่างทอง กรณีเด็กชายวัย ๑๔ ปี อาศัยอยู่กับยาย อายุ ๖๑ ปี ต้องรับภาระเลี้ยงดูตาที่พิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยจะรับจ้างขายปลาหลังเลิกเรียนทุกวันแลกกับค่าจ้างวันละ ๑๕๐ บาท ซึ่งทั้ง ๓ ชีวิตต้องอาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรม ที่ จ.นนทบุรี และกรณีเด็กชาย อายุ ๑๔ ปี มีความกพร่องทางสติปัญญา แต่เป็นเด็กขยันเรียนและเป็นตัวแทนไปแข่งขันวาดภาพระดับประเทศ ต้องช่วยแม่เก็บของเก่าขายทุกวัน หลังเลิกเรียน เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวรวมทั้งหมด ๗ คน โดยหนึ่งในนั้นมีพี่สาวที่พิการตั้งแต่กำเนิดช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ตนขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้เด็กและเยาวชนทั้ง ๔ คน ที่เป็นเด็กดี มีความยอดกตัญญู และขยันหมั่นเพียร แต่ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งนับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กและเยาวชนในสังคมปัจจุบัน อีกทั้งได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดในแต่ละจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่มบ้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งช่วยเหลือทุกครอบครัวตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th