พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า สถานการณ์ประชากรผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้น และคาดว่าในปี ๒๕๖๓ จะมีประชากรสูงอายุมากถึง ๑๓ ล้านคน หรือคิดเป็น ร้อยละ ๒๐ ของประชากรทั้งหมด ผู้สูงอายุจึงเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็น ต้องได้รับการสนับสนุนให้สามารถประกอบอาชีพ เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีศักดิ์ศรี และจากสถานการณ์ดังกล่าว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงมีนโยบายสนับสนุนให้องค์กรภาคธุรกิจเอกชนจ้างงานผู้สูงอายุ อย่างกว้างขวาง การสนับสนุนเงินทุนในการประกอบอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ รวมถึงส่งเสริมการรวมกลุ่มในชุมชนทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม จึงได้จัดงาน "สังคมร่วมใจ สร้างโอกาส สร้างอาชีพผู้สูงอายุ” ขึ้น โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสามารถและศักยภาพของผู้สูงอายุ รวมทั้งต้องการให้เกิดการขับเคลื่อนการขยายโอกาสการทำงานของผู้สูงอายุ และผลักดันให้เกิดกลไกการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุร่วมกับทุกภาคส่วน เช่น ร่วมกับ ภาคธุรกิจเอกชนในการเป็น"หุ้นส่วนในงานพัฒนาด้านผู้สูงอายุ” เพื่อเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการมีอาชีพการจ้างงานให้ผู้สูงอายุสามารถประกอบอาชีพพึ่งตนเองได้ อันจะเป็นการร่วมสร้างพลังขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคม ที่มีความมั่นคงมีคุณภาพ บนพื้นฐานความรับผิดชอบร่วมกัน
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่สถานประกอบการที่จ้างงานผู้สูงอายุ อาทิ บริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้สูงอายุประกอบอาชีพพึ่งตนเองแก่ นายบุญนาค ชัยวงษ์ (ลุงเปรี้ยว) การมอบเงินทุนประกอบอาชีพให้แก่ผู้สูงอายุ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๒,๑๘๕,๐๐๐ บาท และมอบเงินทุนสนับสนุนชมรมผู้สูงอายุ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๙,๖๑๘ บาท การแสดงชุดออกกำลังกายรำไม้พลอง ของผู้สูงอายุ การปั่นจักรยานของผู้สูงอายุจากศูนย์ผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร สวนลุมพินี รวมถึงตลาดเช้าผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์อาชีพผู้สูงอายุที่ได้รับสนับสนุนทุนประกอบอาชีพผู้สูงอายุสามารถพึ่งตนเอง สร้างรายได้ เป็นต้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th