เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Friday March 18, 2016 11:57 —สำนักโฆษก

วันนี้ (18 มีนาคม 2559) เวลา 13.30 น. นายภควันต สิงห พิศโนอี (Mr. Bhagwant Singh Bishnoi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้พบและยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยในการประจำการเป็นครั้งที่สอง ด้านเอกอัครราชทูต กล่าวว่าไทยและอินเดียมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับผู้นำและผู้แทนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนช่วยในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียให้แน่นแฟ้น โดยที่ผ่านมา รอง ปธน. อินเดีย เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเทพ-รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ เยือนอินเดีย ระหว่างวันที่ 20-25 พ.ย. 2559 และในโอกาสนี้ สภาวัฒนธรรมสัมพันธ์แห่งอินเดีย (Indian Council for Cultural Relations: ICCR) ซึ่งเป็นองค์กรด้านวัฒนธรรมภายใต้ กต.อินเดียจะทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “World Sanskrit Award” ในฐานะที่ทรงมีบทบาทส่งเสริมภาษาสันสกฤตในต่างประเทศ นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีของไทยมีกำหนดการเยือนอินเดียด้วยเช่นกัน

เอกอัครราชทูตอินเดีย ยังกล่าวว่า ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านศาสนา วัฒนธรรม การศึกษาและภาษาที่มีความคืบหน้าและใกล้ชิด รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระดับประชาชน-ประชาชน โดยปัจจุบันทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือทางวิชาการผ่านสถาบันการศึกษาของไทย อาทิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

สำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เอกอัครราชทูตอินเดียกล่าวว่า ในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยถึง 1 ล้านคน ในขณะที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปอินเดีย 1 แสนคน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตอินเดียยังเชิญชวนให้ชาวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่อินเดีย เนื่องจากอินเดียเป็นแหล่งกำเนิดของพระพุทธศาสนา ซึ่งชาวไทยสามารถเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน ทั้งนี้ ความร่วมมือในด้านดังกล่าวมีส่วนช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนของทั้งสองประเทศ

ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเอกอัครราชทูตอินเดีย กล่าวว่า ปัจจุบันความร่วมมือทางด้านนี้มีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดี และทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากขึ้นได้ในอนาคต และควรร่วมมือหาแนวทางในการเพิ่มมูลค่าการค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (strategic partnership) ระหว่างกัน

ในตอนท้าย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวย้ำถึงนโยบายของไทยที่ต้องการจะพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกมิติและทุกระดับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งด้านเอกอัครราชทูตยินดีที่จะสนับสนุนความร่วมมือในสาขาต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ