พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ศ.คลินิกเกียรติคุณ. นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงกลาโหม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ในความร่วมมือ 4 ด้านตามยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คือ การบริการด้านการแพทย์และระบบส่งต่อ การผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ การวิจัย และการกำกับติดตามประเมินผล เมื่อวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการมี นส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ 19 แห่งเข้าร่วมลงนามความร่วมมือในครั้งนี้
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพการจัดทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ของโรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยให้ดำเนินการเป็นภาพรวมของประเทศในระยะยาว 5-10 ปี ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงกลาโหม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยกำหนด 3 ยุทธศาสตร์หลักทั้งด้านการวิจัย บริการ และด้านบุคลากร คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเพิ่มขีดความสามารถในการจัดบริการสุขภาพ โดยการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผลิตบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง และวิจัยองค์ความรู้ใหม่ด้านสุขภาพในระดับสากล ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสุขภาพ โดยร่วมมือทางด้านบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขและระบบส่งต่อผู้ป่วย ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยการพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษาทั้งก่อนปริญญาและหลังปริญญา และพัฒนาความร่วมมือทางการแพทย์ การวิจัย และสาธารณสุข และยุทธศาสตร์ที่ 3 การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม โดยการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขพื้นฐาน มีการฝึกอบรมหลักสูตรพื้นฐานให้กับบุคลากรในเขตสุขภาพ
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ได้มีการปรึกษาหารือร่วมกันในระดับนโยบาย และนำมาสู่การจัดทำบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ และเพื่อให้เกิดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทุกหน่วยงานจึงเห็นพ้องในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ใน 4 ด้าน ดังนี้
1) พัฒนาความร่วมมือทางด้านบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข และระบบส่งต่อ (Medical Service Collaboration)
2) พัฒนาความร่วมมือทางด้านผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยการพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษา ทั้งก่อนปริญญา และหลังปริญญา (Academic & Capacity Building Collaboration)
3) พัฒนาความร่วมมือทางด้านวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข (Research Collaboration)
4) กำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับ ติดตาม และประเมินผล เพื่อวิเคราะห์ปัญหา ทบทวน และเสนอแนะแนวทางปรับปรุงการดำเนินการระหว่างหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข สอดคล้องตามยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการมั่นใจในศักยภาพของการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ ที่จะส่งผลถึงประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะมีสถาบันอุดมศึกษาที่มีคณะแพทยศาสตร์ ทำหน้าที่ผลิตแพทย์จำนวน 19 แห่ง กระจายทั่วภูมิภาคของประเทศ ได้แก่ 1) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 2) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 3) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 4) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 6) มหาวิทยาลัยบรูพา 7) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 8) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 9) มหาวิทยาลัยนเรศวร 10) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 11) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 12) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 13) มหาวิทยาลัยพะเยา 14) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 15) มหาวิทยาลัยขอนแก่น 16) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 17) มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ 18) มหาวิทยาลัยสยาม และ 19) มหาวิทยาลัยรังสิต
นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถวางรากฐานการพัฒนา และการเสริมความเข้มแข็งให้กับการให้บริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน ได้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
การลงนามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในครั้งนี้ จึงแสดงให้เห็นว่าคณะแพทยศาสตร์ทุกแห่งยินดีที่ได้ร่วมดำเนินงานเรื่องนี้ ตระหนักถึงความสำคัญของการมีศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์และสิ่งที่ประเทศจะได้รับ อีกทั้งต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่ตั้งขึ้นให้คุ้มค่าที่สุด จึงขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไว้ ณ ที่นี้
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน/ออกแบบ InfoGraphic
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ
17/2/2559
ที่มา: http://www.thaigov.go.th