วันที่ 28 พฤษภาคม 2544
วันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 พฤษภาคม 2544 ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมี นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการประชุม ที่มุ่งหวังให้เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ ซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศไทยในต่างประเทศ ได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อรับทราบนโยบาย และแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศอย่างมีเอกภาพ เพื่อสามารถดำเนินงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และปกป้องส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวนโยบายที่เหมาะสมในยุคปัจจุบันของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เป็นข้อมูลในการใช้ศักยภาพที่มีอยู่เป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินงาน ทั้งนี้ จะต้องมีการผสมผสานมิติทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างสมดุล โดยถือเป็นหัวใจสำคัญ มีความเป็นศาสตร์และศิลปะในการดำเนินงานเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน ควรมีการการพัฒนาด้านข้อมูล การใช้อินเตอร์เนต กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องต้องทำงานร่วมกัน จะต้องมีการทบทวนการทำงานของ Thailand Team เพื่อพัฒนายุทธศาสต์ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลนั้นแบ่งเป็นสองส่วน คือ นโยบายแก้ปัญหาความยากจนในระดับรากหญ้า และ นโยบายเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับการแข่งขัน สำหรับการแก้ปัญหาความยากจนในระดับรากหญ้านั้น รัฐบาลได้เริ่มปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน เริ่มต้นที่เกษตรกร โดยมีนโยบายพักหนี้ (Debt Suspension) นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค นโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งรัฐบาลได้แก้อุปสรรคต่าง ๆ ระหว่างองค์กร การปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ให้มีความคล่องตัว การเปิดธนาคารประชาชน การเพิ่มรายได้ให้ประชาชน โครงการแรก คือ การตั้งกองทุนหมู่บ้าน พร้อมกับเสริมความรู้เข้าไปด้วย กระจายโอกาสความรู้และข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายทางการตลาด นอกจากนี้ รัฐบาลจะดำเนินการปรับโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งนี้ รัฐบาลจะจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์กลาง โดยคาดว่าจะมีผลใช้บังคับในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้การปรับโครงสร้างหนี้ดีขึ้น การกระจายความเสี่ยงทางการเงิน จะมีการแก้กฎหมายให้เกิดตลาดตราสารหนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการเร่งดำเนินการปฏิรูปการศึกษาด้วย
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 12.45 น. นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ทั่วโลก ว่าการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท แนวคิดและวิธีการทำงานของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ที่มีความสำคัญต่อประเทศ ทั้งนี้ จะต้องมีการผสมผสานกันระหว่างประเด็นต่าง ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง มีการทำงานเป็นทีม มียุทธศาสตร์ในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในที่ประชุมฯ ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่มีแนวทางการแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งภายหลังการบรรยายนโยบายดัวกล่าวแล้ว เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ก็ได้ตั้งคำถาม และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์หลายประการด้วยกัน ซึ่งรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศจะประสานกับกระทรวงต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
--สำนักโฆษก--
-สส-
วันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 พฤษภาคม 2544 ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมี นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการประชุม ที่มุ่งหวังให้เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ ซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศไทยในต่างประเทศ ได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อรับทราบนโยบาย และแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศอย่างมีเอกภาพ เพื่อสามารถดำเนินงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และปกป้องส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวนโยบายที่เหมาะสมในยุคปัจจุบันของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เป็นข้อมูลในการใช้ศักยภาพที่มีอยู่เป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินงาน ทั้งนี้ จะต้องมีการผสมผสานมิติทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างสมดุล โดยถือเป็นหัวใจสำคัญ มีความเป็นศาสตร์และศิลปะในการดำเนินงานเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน ควรมีการการพัฒนาด้านข้อมูล การใช้อินเตอร์เนต กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องต้องทำงานร่วมกัน จะต้องมีการทบทวนการทำงานของ Thailand Team เพื่อพัฒนายุทธศาสต์ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลนั้นแบ่งเป็นสองส่วน คือ นโยบายแก้ปัญหาความยากจนในระดับรากหญ้า และ นโยบายเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับการแข่งขัน สำหรับการแก้ปัญหาความยากจนในระดับรากหญ้านั้น รัฐบาลได้เริ่มปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน เริ่มต้นที่เกษตรกร โดยมีนโยบายพักหนี้ (Debt Suspension) นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค นโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งรัฐบาลได้แก้อุปสรรคต่าง ๆ ระหว่างองค์กร การปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ให้มีความคล่องตัว การเปิดธนาคารประชาชน การเพิ่มรายได้ให้ประชาชน โครงการแรก คือ การตั้งกองทุนหมู่บ้าน พร้อมกับเสริมความรู้เข้าไปด้วย กระจายโอกาสความรู้และข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายทางการตลาด นอกจากนี้ รัฐบาลจะดำเนินการปรับโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งนี้ รัฐบาลจะจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์กลาง โดยคาดว่าจะมีผลใช้บังคับในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้การปรับโครงสร้างหนี้ดีขึ้น การกระจายความเสี่ยงทางการเงิน จะมีการแก้กฎหมายให้เกิดตลาดตราสารหนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการเร่งดำเนินการปฏิรูปการศึกษาด้วย
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 12.45 น. นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ทั่วโลก ว่าการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท แนวคิดและวิธีการทำงานของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ที่มีความสำคัญต่อประเทศ ทั้งนี้ จะต้องมีการผสมผสานกันระหว่างประเด็นต่าง ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง มีการทำงานเป็นทีม มียุทธศาสตร์ในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในที่ประชุมฯ ได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่มีแนวทางการแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งภายหลังการบรรยายนโยบายดัวกล่าวแล้ว เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ก็ได้ตั้งคำถาม และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์หลายประการด้วยกัน ซึ่งรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศจะประสานกับกระทรวงต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
--สำนักโฆษก--
-สส-