วันนี้ (24 เมษายน 2559) พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการบ้านประชารัฐที่รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรืออาชีพอิสระ เพื่อให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ ล่าสุดข้อมูลตั้งแต่ 23 มี.ค. – 18 เม.ย. 59 มีประชาชนยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) ผ่าน ธอส. และธ.ออมสิน รวมทั้งสิ้น 33,050 ราย ได้รับการอนุมัติแล้ว 1,628 ราย แบ่งเป็น การยื่นกู้ผ่าน ธอส.1,698 ราย อนุมัติ 332 ราย ธ.ออมสิน 31,352 ราย อนุมัติ 1,296
“โครงการนี้ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ดูได้จากยอดตัวเลขขอสินเชื่อเกินกว่าวงเงินที่รัฐบาลเตรียมไว้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการสร้างโอกาสในการมีบ้านซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นแก่ผู้มีรายได้น้อย ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ครู และผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น ค้าขายหรือรับจ้าง รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศผ่านโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์"
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้กู้ที่ยื่นขอสินเชื่อผ่านทั้ง 2 ธนาคารพบว่า ยังมีบางส่วนไม่ผ่านเกณฑ์ เช่น ผู้กู้หรือคู่สมรสเคยมีกรรมสิทธิ์บ้านหลังอื่นมาก่อนแล้ว ผู้กู้มีอายุมากเกินเกณฑ์ที่กำหนด บ้านพร้อมที่ดินมีราคามากกว่า 1.5 ล้านบาท ต้องการปลูกหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยบนที่ดินของคนอื่น หรือต้องการที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เป็นต้น ดังนั้น ธนาคารทั้ง 2 แห่งจึงยังสามารถเปิดรับคำขอสินเชื่อจากผู้ที่สนใจได้อีกระยะหนึ่ง โดยในส่วนของ ธ.ออมสิน ซึ่งปิดรับคำขอไปตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เพราะมีตัวเลขขอสินเชื่อเกินกว่าวงเงินที่มี จะเปิดรับคำขอสินเชื่อรอบที่ 2 ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้
"นายกฯ รู้สึกยินดีที่ประชาชนตอบรับโครงการเป็นอย่างดี แต่ก็ยังเป็นห่วงผู้กู้จำนวนหนึ่งที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์การขอสินเชื่อ โดยเฉพาะข้าราชการที่มีปัญหาหนี้ครัวเรือน เช่น หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ เพราะแม้รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้ แต่ผู้กู้แต่ละรายก็จะต้องมีความสามารถในการกู้หรือผ่อนชำระด้วย ไม่เช่นนั้นผู้กู้จะมีภาระหนี้สินล้นพ้นตัว และอาจเพิ่มหนี้เสียในระบบสถาบันการเงินได้" ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนที่ต้องการยื่นขอสินเชื่อตรวจสอบคุณสมบัติและความพร้อมของตนเองจนมั่นใจว่าสามารถยื่นเรื่องได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะประเมินผลโครงการหลังจากที่ได้ดำเนินการไประยะหนึ่ง เพื่อปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว และเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th