วันนี้ (2 พฤษภาคม 2559) เวลา 22.00 น. ณ อาคารหอประชุมศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ ถ.คลองเก้า แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานปิดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ประจำปี ฮิจญเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) 1437 โดยมี นายอาศิส พิทักษ์ชุมพล จุฬาราชมนตรี รองศาสตราจารย์ ดร.วินัย ดะห์ลัน ประธานคณะกรรมการจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รอให้การต้อนรับและนำเข้าสู่ภายในอาคารหอประชุมฯ ท่ามกลางพี่น้องชาวมุสลิมที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
ประธานคณะกรรมการจัดงานฯ ได้กล่าวรายงานว่า การจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะนานกว่า 50 ปี และตลอดระยะเวลาดังกล่าว คณะกรรมการจัดงานฯ พร้อมด้วยสถาบัน และองค์กรมุสลิมแห่งประเทศ ร่วมกันจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ประจำปี ฮ.ศ. 1437 เพื่อร่วมสดุดีและศึกษาทบทวนคำสอนและพระจริยวัตรของศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม ตลอดจนเพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของพสกนิกรชาวไทยมุสลิม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2558 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ เป็นผู้แทนพระองค์ทรงเปิดงานฯ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้คอนเซปต์ “ศาสดาผู้นำการพัฒนาฮาลาล ผู้รังสรรค์สังคมพหุวัฒนธรรม” ร่วมเฉลิมฉลองรำลึกศาสดามูฮำมัด อีกทั้ง ยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงครองราชย์ครบ 70 ปี นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดนิทรรศการต่าง ๆ การสัมมนา สินค้าในฮาลาลเอ็กซ์โป การออกร้าน กิจกรรมทางศาสนา และอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการรับถ้วยรางวัลพระราชทานสำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดการแข่งขันการอ่านกอรี ประเภทชายและหญิง (จำนวน 2 รางวัล) จากนั้นได้กล่าวปิดงานเมาลิดฯ ว่า การจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยถือเป็นประเพณีสำคัญทางศาสนาอิสลาม เป็นการเชิดชูคุณงามความศรัทธาในเกียรติประวัติ และพระจริยวัตรของท่านบรมศาสดานบีมูฮำมัด (ซ.ล.) ทรงเป็นแบบอย่างด้านจริยธรรม คุณธรรม รวมถึงด้านการปกครอง ด้านการพัฒนาสังคม และด้านการศึกษา และยังเป็นการสรรสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมซึ่งสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนและประชาชนชาวไทยมุสลิมให้มีจิตใจที่มีความบริสุทธิ์ มีความดีงาม เพื่อจะได้อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติสุข และร่วมสร้างสรรค์สังคมให้มีความมั่นคงต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนกิจกรรมของทุกศาสนามาโดยตลอด ซึ่ง เป็นนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจและสงบสุข สำหรับศาสนาอิสลามนั้น รัฐบาลได้สนับสนุนหลายกิจการ เช่น กิจการฮัจย์ กิจการฮาลาล กิจการการศึกษา กิจการยุติธรรม เป็นต้น ทั้งนี้การขับเคลื่อนประเทศต้องอาศัยคนทุกหมู่เหล่า นำพาประเทศชาติไปพร้อมกัน ส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคี พหุวัฒนธรรม พร้อมกล่าวย้ำว่า ตนเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ของคนไทย ทำเพื่อคน 70 ล้านคน และแก้ไขปัญหาโดยใช้วิธีอย่างสันติอย่างที่ทุกศาสนาได้สอนไว้ พร้อมทั้งขอบคุณประชาชนชาวมุสลิมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ที่ร่วมมือกันเพื่อความสงบสุข ต้องมีการพัฒนา การเรียนรู้ ซึ่งตนได้วางพื้นฐานไว้แล้ว แต่ไม่ได้ต้องการควบคุมใคร
***********************************
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th