รัฐบาลชูสตาร์ทอัพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หวังสร้างความยั่งยืน ลบภาพตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มุ่งส่งเสริมธุรกิจใหม่คิดต่างสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรม ต่อยอดเอสเอ็มอี
พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นักคิดนักเขียนได้แสดงความเป็นห่วงว่า นโยบายส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพของรัฐบาลจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เหมือนกับการส่งเสริมเอสเอ็มอีและโอท็อปของรัฐบาลก่อน ๆ ว่า รัฐบาลนี้คำนึงถึงความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจเอสเอ็มอีรูปแบบใหม่ ไม่ใช่การทุ่มงบประมาณลงไปอย่างไร้ค่า ตามที่มีการกล่าวอ้าง
"ธุรกิจสตาร์ทอัพ คือ การที่รัฐบาลส่งเสริมให้ธุรกิจของคนรุ่นใหม่หรือผู้ที่อยากแยกตัวออก จากบริษัทใหญ่ มามีกิจการเป็นของตนเอง ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ซึ่งครอบคลุมหลายด้าน เช่น สตาร์ทอัพด้านการสื่อสาร การเกษตร การท่องเที่ยว ฯลฯ หรือเรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ ที่จะมีความยั่งยืนในอนาคต เพราะสินค้าจะมีมูลค่าเพิ่มและต่อยอดพัฒนาได้ ถือเป็นนักรบใหม่เอสเอ็มอี
ส่วนเอสเอ็มอีเดิมที่มีอยู่กว่า 2 ล้านราย ซึ่งมีปัญหาความแตกต่างกันทั้งในด้านขนาด เงินทุน และองค์ความรู้ รัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งแต่กลับช่วยแก้ปัญหา โดยจัดกลุ่มเพื่อพัฒนาตามศักยภาพ เช่น กลุ่มที่เกิดใหม่ กลุ่มที่เติบโตสามารถขยายกิจการในประเทศได้ กลุ่มที่สามารถส่งออกได้ และกลุ่มที่เลิกกิจการแต่ยังมีศักยภาพทางธุรกิจ"
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า เอสเอ็มอีคือผู้สร้างรายได้และจ้างงานที่สำคัญ โดยกว่าร้อยละ 99.5 เป็นธุรกิจขนาดเล็ก และที่เหลือร้อยละ 0.5 เป็นธุรกิจขนาดกลาง ซึ่งเป็นกิจการที่มีศักยภาพต่อจีดีพี รัฐบาลจึงผลักดันให้เอสเอ็มอีเติบโตจากขนาดเล็กไปสู่ขนาดกลาง และขนาดกลางไปสู่ขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับศักยภาพของประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง
"การเขียนแสดงความเห็นโดยขาดการศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนจากผู้รู้ หรือผู้ที่รับผิดชอบโดยตรง เป็นแต่เพียงการจินตนาการเทียบเคียงเอาเอง อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดจากข้อมูลที่บิดเบือนได้"
ที่มา: http://www.thaigov.go.th