วันนี้ (10 พฤษภาคม 2559) เวลา 15.00 น. ณ โรงละครแห่งชาติ ถนนราชินี กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ทิพยธารา จากฟ้าสู่ดิน” เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติ 70 ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ วันที่ 12 สิงหาคม 2559 โดยมีผู้ร่วมงานประกอบด้วย คณะผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 ตัวแทนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมคณะสื่อมวลชน จำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน
โอกาสนี้ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ ว่า เนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ 70 ปี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ ในปีพุทธศักราช 2559 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้อย่างมากมาย ส่งผลให้พสกนิกรชาวไทยและประชาชนในประเทศใกล้เคียงได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดงาน “ทิพยธารา จากฟ้าสู่ดิน” เผยแพร่พระราชกรณียกิจในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามนโยบายรัฐบาล
การจัดงาน “ทิพยธารา จากฟ้าสู่ดิน” ประกอบด้วย การจัดแสดงวีดีทัศน์เฉลิมพระเกียรติ
เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การมอบเข็มเชิดชูเกียรติแก่บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ด้านพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชาติ การขับร้องเพลงหมู่ เพลงสยามานุสติ และ เพลงสดุดีมหาราชา โดยคณะผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมสำหรับนักบริหารระดับสูงรุ่นที่ 4 การขับร้องเพลงประกอบเอ็มวี “คนดีไม่มีวันตาย” โดยนักร้องผู้พิการ จากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ “ทิพยธารา จากฟ้าสู่แผ่นดิน” บรรเลงดนตรีโดย วงดุริยางค์สากล สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขับร้องโดยศิลปินและนักร้องรับเชิญที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย อาทิ ดาวใจ ไพรจิตร / วาณี จูฑังคะ / ดวงดาว เถาว์หิรัญ / ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ / อุเทน พรหมมินทร์ / วสุ แสงสิงแก้ว / พีระพงษ์ พลชนะ / สุทธิพงษ์ วัฒนจัง / สันติ ลุนเผ่ และมานิต ธุระเศรษฐกุล เป็นต้น
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานพร้อมบรรยายพิเศษเรื่อง “ความประทับใจในการถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาท” สรุปความว่า นับตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2489 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นเวลา 70 ปีที่ประชาชนชาวไทยต่างประจักษ์ชัดแจ้ง ในพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดั่งที่ทรงได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเคียงคู่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยมิทรงย่อท้อต่อความยากลำบาก เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ปวงอาณาประชาราษฎร์ให้มีความกินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงได้พระราชทานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของประชาชน และโครงการพระราชดำริหลายพันโครงการทำให้พสกนิกรมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดมา ประชาชนชาวไทยทั้งหลายต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้นี้ ทั้งสองพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเกษตร การส่งเสริมอาชีพ การสาธารณสุข การศาสนา ศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ และการฟื้นฟูระบบนิเวศของดิน น้ำ ป่าไม้ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาอุทกภัย ปัญหาน้ำเน่าเสียและการอนุรักษ์สัมปันน้ำและการกัดเซาะผิวดิน การบำรุงผิวดิน การรักษาพันธุ์พืชเพื่อรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงมีพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525 ณ บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ความตอนหนึ่งว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ ... พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า...” และด้วยพระอัจริยภาพและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณด้านการพัฒนาการเกษตรแด่พระองค์ ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย ผู้ซึ่งประกอบอาชีพเพาะปลูก การบำรุงรักษาน้ำ การบำรุงรักษาป่า โดยทรงยึดหลัก “สนับสนุนการพัฒนาแบบยั่งยืนเพื่อความมั่นคงในอนาคต”
ทั้งนี้ รัฐบาลได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่าด้วยการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวคิดในการพัฒนาประชาชน สังคมและประเทศชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและให้ความสำคัญกับอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางธรรมชาติ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนของทรัพยากรป่าไม้ ดิน น้ำ รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างทุนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรณรงค์ปลูกจิตสำนึก ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่อย่างจำกัด และมีส่วนร่วมในการรักษา ฟื้นฟูและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและถูกวิธี พร้อมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำขอให้ประชาชนยึดหลักการดำเนินชีวิตบนพื้นฐานแห่งความพอเพียงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อดำรงรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้มีใช้อย่างเพียงพอทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบต่างๆที่มีต่อสังคมโลก และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิต การลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยมลพิษในรูปแบบต่างๆซึ่งจะนำไปสู่การลดปัญหาภาวะโลกร้อนที่ทั่วโลกกำลังประสบได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งเน้นว่าการจะทำสิ่งใดนั้น"ต้องระเบิดจากข้างใน" หมายความว่า การทำสิ่งใด ต้องสร้างฐาน ต้องเริ่มจากความพร้อม ความเห็นพ้องต้องกันก่อน แล้วค่อยๆสร้าง ค่อยๆก่อ ก็จะมั่นคงถาวรโดยต้องมุ่งไปที่การพัฒนาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่คนในชุมชนและครอบครัวให้มีสภาพพร้อมที่จะรับการพัฒนาก่อน แล้วจึงค่อยขยายออกมาสู่สังคม มิใช่การนำเอาความเจริญจากสังคมภายนอกเข้าไปหาชุมชนและหมู่บ้าน ซึ่งหลายๆ ชุมชนยังไม่มีโอกาสได้เตรียมตัวรับสถานการณ์ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้อย่างทันท่วงที
ตอนท้ายของการกล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษฯ นายกรัฐมนตรีขอให้พสกนิกรชาวไทยทุกคนได้น้อมนำพระบรมราโชวาทในโอกาสต่างๆ และหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางและแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และปฏิบัติงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดี และตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ และขอให้ร่วมกันปลูกจิตสำนึกเยาวชนไทย ตั้งแต่ ระดับ ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศ ในการร่วมใจกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโลกให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืนตลอดไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมขับร้องเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” “ยังยิ้มได้” “ทรายกับทะเล” โดยศิลปินวงไม้เท้าขาวในโครงการ “From Street to Star”
********************************
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
อภิวัฒน์ / รายงาน
ดวงใจ / ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th