วันนี้ เวลา 11.00 น ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายริชาร์ด อี เฮกลิงเกอร์ (Mr. Richard E. Hecklinger) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ภายหลังการต้อนรับสรุปสาระสำคัญการสนทนา ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ ฯ และไทย ซึ่งได้มีการพัฒนาความร่วมมืออย่างแน่นเฟ้นในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐ ฯ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 12-19 ธันวาคม ศกนี้ ว่า จะเน้นกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ ฯ ทั้งทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน โดยเฉพาะความสำคัญของไทยในฐานะพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังยืนยันในนโยบายสำคัญในการเปิดประเทศ ต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ และขณะเดียวกันก็มุ่งขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยจะเร่งรัดการดำเนินการเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) รวมไปถึงการขยายความร่วมมือในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนกับประเทศสำคัญๆ ทางเศรษฐกิจของเอเชีย เช่น เขตการค้าเสรีอาเซียนและจีน เขตการค้าเสรีอาเซียนและญี่ปุ่น นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้ริเริ่มการขยายการค้าด้วยรูปแบบการค้าแบบหักบัญชี โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มมูลค้าและปริมาณการค้าระหว่างกัน ไทยจึงไม่เป็นเพียงแต่ตลาดของประชากร 60 ล้านคน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนและเอเชียโดยรวม ไทยจึงมีศักยภาพในฐานะพันธมิตรทางเศรษฐกิจ ตลาดสินค้า และแหล่งลงทุนที่สำคัญของสหรัฐ ฯ ในอนาคต สำหรับความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากลนั้น รัฐบาลไทย ตระหนักดีว่าการก่อการร้ายสากลนั้น เป็นอาชญากรรมของโลก และเป็นมีความจำเป็นที่ทุกประเทศ ต้องร่วมมือกัน
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้กล่าวชื่นชมไทย ในฐานะประเทศหนึ่งที่มีบทบาทนำในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาค แม้ว่า ในปัจจุบันโลกเผชิญกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและผลจากการก่อวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายน แต่รัฐบาลก็สามารถผลักดันความคืบหน้าในการดำเนินตามนโยบายสำคัญ อาทิ ความคืบหน้าในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย การก่อสร้างท่าอากาศยานระหว่างประเทศสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ ไทยยังเป็นประเทศชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย สำหรับด้านความก้าวหน้าในการศึกษา วิจัย วัคซีนโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องและเอดส์ (HIV/AIDS) ซึ่งถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโดยรวม ทั้งนี้ เอกอัคคราชทูต ยังได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย ในความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากลเป็นอย่างดี ทั้งในแง่การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งเห็นว่า การก่อการร้ายสากลนั้นมีความเชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด ดังนั้น ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล จึงอาจมีการขยายรวมความถึงความร่วมมือการป้องกันและการปรามปรามขบวนการค้ายาเสพติดด้วย
ในตอนท้ายนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยังได้กล่าวว่า การเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาที่เหมาะสม ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไทย และ สหรัฐ ฯ ทั้งนี้ โดยส่วนตัว ยังเห็นว่าประเทศไทย เป็นแหล่งลงทุนที่มีศักยภาพ และมีบรรยากาศทีเอื้อต่อการลงทุนสูง ซึ่งในระหว่างการเยือน นายกรัฐมนตรีจะพบกับชุมชุนนักธุรกิจของสหรัฐด้วย ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจมีความปรารถนาจะรับทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจของไทยโดยตรง การเดินทางเยือนของนายกรัฐมนตรี จึงเป็นประโยชน์ทั้งด้านความสัมพันธ์ด้านการทูตและการลงทุนอีกด้วย
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ ฯ และไทย ซึ่งได้มีการพัฒนาความร่วมมืออย่างแน่นเฟ้นในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงกำหนดการเดินทางเยือนสหรัฐ ฯ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 12-19 ธันวาคม ศกนี้ ว่า จะเน้นกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐ ฯ ทั้งทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน โดยเฉพาะความสำคัญของไทยในฐานะพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังยืนยันในนโยบายสำคัญในการเปิดประเทศ ต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ และขณะเดียวกันก็มุ่งขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยจะเร่งรัดการดำเนินการเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) รวมไปถึงการขยายความร่วมมือในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนกับประเทศสำคัญๆ ทางเศรษฐกิจของเอเชีย เช่น เขตการค้าเสรีอาเซียนและจีน เขตการค้าเสรีอาเซียนและญี่ปุ่น นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้ริเริ่มการขยายการค้าด้วยรูปแบบการค้าแบบหักบัญชี โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มมูลค้าและปริมาณการค้าระหว่างกัน ไทยจึงไม่เป็นเพียงแต่ตลาดของประชากร 60 ล้านคน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนและเอเชียโดยรวม ไทยจึงมีศักยภาพในฐานะพันธมิตรทางเศรษฐกิจ ตลาดสินค้า และแหล่งลงทุนที่สำคัญของสหรัฐ ฯ ในอนาคต สำหรับความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากลนั้น รัฐบาลไทย ตระหนักดีว่าการก่อการร้ายสากลนั้น เป็นอาชญากรรมของโลก และเป็นมีความจำเป็นที่ทุกประเทศ ต้องร่วมมือกัน
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้กล่าวชื่นชมไทย ในฐานะประเทศหนึ่งที่มีบทบาทนำในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาค แม้ว่า ในปัจจุบันโลกเผชิญกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและผลจากการก่อวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายน แต่รัฐบาลก็สามารถผลักดันความคืบหน้าในการดำเนินตามนโยบายสำคัญ อาทิ ความคืบหน้าในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย การก่อสร้างท่าอากาศยานระหว่างประเทศสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ ไทยยังเป็นประเทศชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย สำหรับด้านความก้าวหน้าในการศึกษา วิจัย วัคซีนโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องและเอดส์ (HIV/AIDS) ซึ่งถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโดยรวม ทั้งนี้ เอกอัคคราชทูต ยังได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย ในความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากลเป็นอย่างดี ทั้งในแง่การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งเห็นว่า การก่อการร้ายสากลนั้นมีความเชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด ดังนั้น ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล จึงอาจมีการขยายรวมความถึงความร่วมมือการป้องกันและการปรามปรามขบวนการค้ายาเสพติดด้วย
ในตอนท้ายนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ยังได้กล่าวว่า การเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาที่เหมาะสม ในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไทย และ สหรัฐ ฯ ทั้งนี้ โดยส่วนตัว ยังเห็นว่าประเทศไทย เป็นแหล่งลงทุนที่มีศักยภาพ และมีบรรยากาศทีเอื้อต่อการลงทุนสูง ซึ่งในระหว่างการเยือน นายกรัฐมนตรีจะพบกับชุมชุนนักธุรกิจของสหรัฐด้วย ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจมีความปรารถนาจะรับทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจของไทยโดยตรง การเดินทางเยือนของนายกรัฐมนตรี จึงเป็นประโยชน์ทั้งด้านความสัมพันธ์ด้านการทูตและการลงทุนอีกด้วย
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-