วันนี้ (15 กรกฎาคม 2559) เวลา 09.00 น. นายชินโกะ ซาโตะ (Mr. Shingo Sato) ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ ประธานบริษัทมารุเบนิ(ประเทศไทย), ประธาน บจก. ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น(ประเทศไทย), ประธาน บจก. มิตซูบิชิ(ประเทศไทย) เป็นต้น เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีและประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯต่างแสดงความยินดีที่ได้พบปะกันในวันนี้ โดยรองนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่นายชินโกะ ซาโตะ ได้รับการการแต่งตั้งให้เป็นประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯคนใหม่ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่จะหารือถึงแนวทางในการร่วมมือกันระหว่างไทยและญี่ปุ่นในอนาคตข้างหน้า และระบุอีกว่าหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลักดันและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีที่หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ดำเนินกิจกรรมในไทยมายาวนานกว่า 60 ปี ปัจจุบันหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ มีสมาชิกมากกว่า 1,700 บริษัท ซึ่งนับเป็นหอการค้าญี่ปุ่นในต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค รองจากหอการค้าญี่ปุ่น-เซี่ยงไฮ้ และแนวโน้มของสมาชิกก็เพิ่มมากขึ้นทุกปี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของบริษัทญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศไทย ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯกล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการลงทุนในสาธารณูปโภคของรัฐบาลไทยเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นชื่นชมอย่างมาก เพราะนอกจากจะส่งผลดีต่อไทยเองแล้ว ระบบสาธารณูปโภคที่ดียังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้บริษัทญี่ปุ่นมาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังแสดงความสนใจในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development)ของรัฐบาลด้วย ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจของไทยเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น รวมถึงจะเป็นแหล่งผลิตและขนส่งสินค้าซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV ได้อีกด้วย ทางด้านรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในอนาคตข้างหน้าอยากให้หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯช่วยเป็นตัวกลางผลักดันให้เกิดการเป็นหุ้นส่วนในการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่นที่ลึกซึ้งมากขึ้น นอกเหนือจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่นที่มีอยู่เดิม
ที่มา: http://www.thaigov.go.th