วันนี้ (14 มิ.ย.59) เวลา 15.15 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พันเอก อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ เกี่ยวกับเรื่องการขออนุมัติหลักการในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพให้กับผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพภายใต้โครงการสร้างโอกาสในการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประกอบอาชีพ ตามที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (สคช.) เสนอว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยต่อผู้ประกอบการที่อยู่นอกระบบและมติดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมถึง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ยานพาหนะสาธารณะ เช่น พนักงานขับรถโดยสารและพนักงานขับเรือ ตลอดจนผู้ควบคุมเครื่องเล่นต่าง ๆ ว่าควรที่จะมีมาตรการในการตรวจสอบกำกับดูแลและประเมินสมรรถนะของผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาถึงความจำเป็นในการร่างคำสั่งพิเศษในเรื่องนี้ โดยให้หลักการว่าต้องการให้มีมาตรการในการกำกับสมรรถนะและขีดความสามารถของบุคคลที่ประกอบอาชีพนอกระบบที่ต้องให้บริการและต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและลดจำนวนเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดความสูญเสียและมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยลดลงในอนาคต
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนเรื่องราคาสินค้าและอาหารที่มีราคาสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนั้น รัฐบาลได้จัดให้มีโครงการร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จเพื่อคืนความสุขทุกจานให้ประชาชนหรือร้านอาหารหนูณิชย์พาชิมของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเป็นการส่งเสริมอาหารปรุงสำเร็จที่มีราคาถูก สะอาด ดีและอร่อย จำหน่ายให้กับประชาชนในราคาไม่เกิน 25 – 35 บาทต่อจาน ซึ่งเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการลดภาระค่าครองชีพและเป็นกลไกชี้นำราคาอาหารปรุงสำเร็จในตลาดทั่วไปเพื่อไม่ให้มีการปรับราคาสูงเพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนร้านอาหารต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยร้านที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องการสนับสนุนวัสดุและประชาสัมพันธ์ร้านหนูณิชย์พาชิม รวมไปถึงป้ายสัญลักษณ์ ผ้ากันเปื้อน หมวกและป้ายต่าง ๆ ตลอดจนจะได้รับบัตรสมาชิกหนูณิชย์เพื่อใช้ซื้อวัตถุดิบในราคาประหยัดคุณภาพดีกับห้างร้านและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งจะได้รับสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจจากธนาคารพาณิชย์ และสิทธิประโยชน์ในการซื้อก๊าซในราคา 18.13 บาทต่อกิโลกรัม จำนวนไม่เกินเดือนละ 10 ถัง รวมทั้งได้รับการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ร้านผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ www.noonid.dit.go.th และ แอพพลิแคชั่น ลายแทงของถูก
สำหรับภาคีหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าจังหวัดต่าง ๆ ในการร่วมกันจัดหาและคัดเลือกร้านอาหารเข้าร่วมโครงการทั้งห้างร้าน ส่วนกลางและภูมิภาค เช่น ห้างแม็คโคร เทสโก้โลตัส ซุปเปอร์ชีป ฯลฯ จะช่วยสนับสนุนในการจำหน่ายสินค้าและอาหารดังกล่าวและได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนจากธนาคารออมสิน ทั้งนี้ ปัจจุบันร้านอาหารปรุงสำเร็จที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศมีจำนวน 10,681 ราย อยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 3,698 ราย และอยู่ในส่วนภูมิภาคอีกจำนวน 6,983 ราย
-------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th