นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุม คตช. ครั้งที่ 3/2559 มอบนโยบายเน้นย้ำการตรวจสอบและต่อต้านการทุจริต-ให้น้อมนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการดำเนินงานตามนโยบายต่อต้านการทุจริต เลขา ป.ป.ท. เผย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) รายงานสถานการณ์คอร์รัปชั่นของไทยลดน้อยลงและดีที่สุดในรอบ 6 ปี วันนี้ (29 มิ.ย.59) เวลา 09.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ 3/2559 โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ภายหลังการประชุม พลเอก ชาตอุดม ติตถะศิริ ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คตช. และนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ร่วมกันแถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญดังนี้
พลเอก ชาตอุดม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกับที่ประชุมว่าในเรื่องการดำเนินการต่อต้านการทุจริตของรัฐบาลเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องดำเนินการให้มีผลเป็นรูปธรรม โดยในที่ประชุมวันนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้รายงานผลการดำเนินการหลักสูตรโตไปไม่โกงว่ามีแผนดำเนินการอบรมครู และจะขยายผลหลักสูตรโตไปไม่โกงให้อยู่ในหลักสูตรลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของนักเรียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้เร่งรัดอบรมครูที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดต่อให้กับเด็ก ๆ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึง ป.6 โดยในปี 2559-2560 ให้มีผลการดำเนินการที่ครอบคลุมให้ได้ทุกโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งให้ครอบคลุมถึงโรงเรียนภายใต้สังกัดกรมการปกครองส่วนถิ่นและโรงเรียนเอกชนด้วย
พร้อมกันนี้ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ได้รายงานผลการดำเนินงานเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภาครัฐ ที่มีความคืบหน้าในเรื่องระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ หรือ G-News ที่ได้จัดทำเป็นแอพพลิเคชั่นและมีความก้าวหน้าการดำเนินการมาโดยลำดับ สามารถขึ้นเป็นแอพพลิชั่นของโทรศัพท์มือถือทั้งระบบแอนดรอยด์และไอโอเอสแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เข้ามาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นในอนาคต โดยให้มีการติดตั้งแอพพลิชั่น G-News พร้อมไว้ในโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องที่วางขาย เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามารับรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารจากภาคราชการ รวมทั้งจะเป็นประโยชน์กับภาคเอกชนและภาคราชการในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน
พลเอก ชาตอุดม กล่าวต่อว่า ในการรายงานการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ใน คตช. นั้น คณะอนุกรรมการฯ ด้านการป้องกันการทุจริต ได้นำเสนอการประกาศใช้ราคามาตรฐานเรื่องการก่อสร้าง ซึ่งเป็นเอกสารทางวิชาการที่กำหนดไว้ชัดเจนในเรื่องการจัดทำราคากลางโดยใช้มาตรฐานต้นทุนราคางานก่อสร้าง โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมบัญชีกลางรับเรื่องนี้ไปดำเนินการ ทั้งนี้ จะมีการเสนอกฎหมายพระราชบัญญัติเกี่ยวกับบัญชีเสนอราคาค่าก่อสร้าง เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทำบัญชีราคาการก่อสร้างมาตรฐานเข้าไปส่วนหนึ่งของราคาการก่อสร้างของทุกส่วนด้วย ขณะที่คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือข้อตกลงคุณธรรม หรือ Integrity Pact ได้ชี้แจงผลงานที่ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการครั้งที่ผ่านมา ในเรื่องการสร้างการรับรู้ การให้มีผู้สังเกตการณ์เข้าไปอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ โดยเฉพาะโครงการที่มีวงเงินสูง การนำระบบ CoST หรือระบบที่มีการควบคุมการก่อสร้างที่มีวงเงินสูงเข้ามาใช้ ซึ่งมีการรายงานว่ามีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีการขยายผลการหาผู้สังเกตการณ์ อบรมผู้สังเกตการณ์เพิ่มขึ้น และนำระบบ CoST เข้ามาใช้ในการก่อสร้าง มาใช้ประเมินผล หรือควบคุมงานก่อสร้างในส่วนราชการที่มีวงเงินสูงเป็นจำนวนเพิ่มขึ้น
พลเอก ชาตอุดม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ได้นำเสนอที่ประชุม 2 เรื่อง คือ 1. กำหนดการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติรวม 2 วัน โดยในเบื้องต้นจะมีการจัดงานขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2559 ณ ท้องสนามหลวง ที่จะกราบเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงาน และในวันอังคารที่ 6 กันยายน 2559 จะมีงานสัมมนาทางวิชาการ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 2. รายงานการสถานการณ์คอรัปชั่นและภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาคนไทยและนานาชาติ ซึ่งมีข้อมูลจากการสำรวจหลาย ๆ ข้อเป็นเรื่องที่ดี ได้แก่ สถานการณ์คอรัปชั่นของไทยลดน้อยลงและดีที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ความโปร่งใสในสายตานานาชาติดีที่สุดในรอบ 10 ปี นับแต่ปี 2549 การเรียกรับสินบนจากนักธุรกิจมีแนวโน้มลดลง การเรียกรับสินบนที่สร้างภาระ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ประชาชน ลดลงมากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับ 15 ปีที่แล้ว
“นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในเรื่องการดำเนินงานตามนโยบายการต่อต้านการทุจริต ว่าให้นำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ ในเรื่องการระเบิดออกมาจากข้างใน คือในจิตใจของประชาชนคนไทยในเรื่องของการคอร์รัปชั่นหรือมีการทุจริตเกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เป็นความต้องการของประชาชนคนไทยอยู่แล้ว ขอให้นำจุดนี้มาให้สังคมได้รับรู้ เพราะเป็นแนวทางที่ทรงพระราชทานไว้ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการประกอบอาชีพหรือแนวทางการดำรงชีวิต เพราะสังคมภาพรวมไม่เห็นด้วยกับการคอร์รัปชั่นหรือการทุจริตอยู่แล้ว จึงขอให้นำประเด็นนี้มาให้คนรอบข้างและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันต่อต้านการคอร์รัปชั่น” พลเอก ชาตอุดม กล่าว
ด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ได้นำเสนอภารกิจที่ ศอตช. ได้ดำเนินการในห้วงเวลาที่ผ่านมาในหลายเรื่อง ได้แก่ 1. การอุดกลบบ่อน้ำบาดาล ที่แบ่งเป็นบ่อเก่าตั้งแต่ปี 2547-2557 ประมาณ 40,000 บ่อ ที่เฉพาะปี 2557 ดำเนินการจำนวน 4,886 บ่อ ได้มีการสุ่มตรวจสอบเบื้องต้นเฉพาะปี 2557 จำนวน 99 บ่อ มีสิ่งบอกเหตุที่น่าเชื่อว่าจะเป็นการขุดกลบไม่ถูกต้อง ไม่ได้ดำเนินการอุดกลบตามขั้นตอนตามที่กำหนด โดย ป.ป.ท. จะสรุปนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนต่อไป 2. การเจาะบ่อน้ำบาดาลใหม่ ที่ในปี 2558-2559 มีการดำเนินการจุดเจาะบ่อบาดาลใหม่จำนวน 6,922 บ่อ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ท. ได้ขอข้อมูลและพิกัดโครงการเพื่อจะได้ช่วยดำเนินการตรวจสอบต่อไป
พร้อมกันนี้ ศอตช. ได้รายงานที่ประชุมเรื่องการดำเนินการตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่สำนักงาน ป.ป.ท. ดำเนินการร่วมกับ BOI ได้ทำความเข้าใจกับสมาชิกสภาหอการค้านานาชาติ โดยหลายประเทศได้ให้ข้อคิดเห็นให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมกับมีการแจ้งข้อมูลข่าวสารมาด้วย ขณะเดียวกัน ป.ป.ท. ก็ได้ประสานสถานเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศอาเซียน 7 ประเทศ ที่จะมีการทำกิจกรรมที่ใกล้ชิดระหว่างกัน นอกจากนี้ ศอตช. ได้รายงานผลการดำเนินการการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ หรือ One Map ขณะนี้อยู่ระหว่างที่คณะอนุกรรมการด้านเทคนิคจะมาตรวจสอบความถูกต้อง และจะสรุปเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการแก้ไขกฎหมาย หรือแก้ไขประกาศแนวเขตพื้นที่ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินการ และจะแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ในเดือนกันยายน 2559 สำหรับการตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ผ่านมามีเรื่องรับจำนำข้าวที่ร้องเรียนเข้ามาทาง ป.ป.ท. รวมทั้งหมด 551 เรื่อง ณ วันนี้มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว 47 เรื่อง อยู่ระหว่างเสนอให้มีการสั่งไต่สวนข้อเท็จจริง 504 เรื่อง ซึ่งกลุ่มที่ถูกดำเนินการไต่สวนขณะนี้เป็นกลุ่มระดับปฏิบัติ
นายประยงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการตั้งอนุกรรมการอำนวยการประสานขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานตามมติและคำสั่งของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ที่มีตนเป็นประธาน จะทำหน้าที่ติดตามมติต่าง ๆ ที่ออกไปแล้ว มีการปฏิบัติให้เกิดเป็นรูธรรมหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการในเชิงรุก ถ้ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อย่างน้อยเรื่องที่นักลงทุนต่างชาติร้องเรียนเข้ามาก็ต้องรีบไปดำเนินการให้เรียบร้อยและเป็นไปตามกฎหมาย กรณีของเจ้าหน้าที่ภาครัฐถ้าพบว่ากระทำผิดวินัย หรือผิดกฎหมายต้องเร่งดำเนินการ
---------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th