นายมาร์ค กานิเยร์ (Mr. Mark Garnier) ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการค้าระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
วันนี้ (29 ก.ค. 59) เวลา 14.00 น นายมาร์ค กานิเยร์ (Mr. Mark Garnier) ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการค้าระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับนายมาร์ค กานิเยร์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้พบกันในช่วงที่นายมาร์คฯเดินทางเยือนไทยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และขอบคุณที่นายมาร์คฯ เดินทางมาประเทศไทยเป็นประเทศแรก หลังจากที่ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการค้าระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร และหวังว่านายมาร์คฯ จะให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-สหราชอาณาจักรต่อไป
นายมาร์คฯ มีความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายเปิดตัวกลไก Business Leadership Council เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ลงนามร่วมกับนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง-การต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี และมี ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ-กระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนบทบาทของภาคเอกชน และขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมกล่าวว่าในช่วงเดือนกันยายนนี้จะนำคณะภาคเอกชนสหราชอาณาจักรเดินทางเยือนไทย เพื่อสานต่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน
รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่าแม้สหราชอาณาจักรจะไม่ได้อยู่ใน EU แต่สหราชอาณาจักรก็ยังเป็นพันธมิตรที่สำคัญของไทย พร้อมเชิญชวนให้ภาคเอกชนของสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในไทยในสาขาต่างๆ ที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ด้านการศึกษา การบริการทางการเงิน พลังงานแบบยั่งยืน เป็นต้น
รองนายกรัฐมนตรีเห็นว่าหากสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในไทย ยังสามารถเชื่อมต่อการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้อีกด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรีหวังให้ภาคเอกชนทั้งสองประเทศมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง และย้ำว่ารัฐบาลยินดีส่งเสริมการค้าและการลงทุนกับสหราชอาณาจักรในทุกด้าน
นายมาร์คฯ แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนภาคเอกชนสหราชอาณาจักรมาโดยตลอด และขอให้ไทยเชื่อมั่นในศักยภาพด้านเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในช่วงเปลี่ยนผ่านหลัง Brexit
ที่มา: http://www.thaigov.go.th