วันนี้ ( 2 สิงหาคม 2559) เวลา 15.15 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงสถานการณ์การลงประชามติว่า ได้กำชับให้ทุกคนรักษาความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด ใครที่ทำผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ถ้าไม่สามารถดำเนินคดีได้ในขณะนั้น ก็ให้ดำเนินคดีหลังจากที่มีการลงประชามติแล้ว ซึ่งต้องมีการเก็บพยานหลักฐาน ทั้งในส่วนของกฎหมายปกติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และกฎหมายประชามติ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย
สำหรับกรณีถ้าหากประชามติไม่ผ่านนายกรัฐมนตรีจะต้องลาออกเพื่อรับผิดชอบนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การทำประชามติอยู่ในกระบวนการไปสู่ประชาธิปไตยสากล ซึ่งต้องมีรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีก็ไปตรงนั้นไม่ได้ และเลือกตั้งไม่ได้ ก็จบแค่นั้น นายกรัฐมนตรีก็อยู่ไปตามโรดแม็พที่วางไว้ เพื่อแก้ปัญหาเดิมๆ และหยุดความขัดแย้ง
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบ และระงับจุลสารการออกเสียงประชามติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุ มีเนื้อหาเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายประชามติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด เพียงแต่ต้องไปดูว่าผิดถูกอย่างไร กกต.จะเป็นผู้ตัดสิน ใครไม่เห็นด้วยก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งยังไม่เห็นและอ่านเรื่องร้องเรียนดังกล่าว แต่ก็รับทราบแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำประชามตินั้นมีอีกกระแสคือการโนโหวต นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่ท่าน ตอนนี้ไม่กังวลอะไร ผลจะออกมาอย่างไร ก็ยังอยู่ตามโรดแม็พและจะทำให้ดีที่สุดในช่วงที่ยังอยู่ เป็นการทำให้ประเทศชาติ ประชาชนคนไทย ไม่ได้ทำเพื่อใคร
ผู้สื่อถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านประชาชนพอจะทราบได้หรือยังว่ากระบวนการหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตามกระบวนการก็ต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่แล้วก็เลือกตั้ง ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญด้วยนั้น เห็นว่าที่ผ่านมาประชาชนอาจไม่ได้ร่วมในขั้นต้น แต่เขาก็รับทราบ ในตอนนี้ที่มีการเดินหน้าชี้แจงทุกกลุ่มทุกจังหวัด ตอนนั้นไม่เห็นมีกระแสต่อต้านอะไรมากกมาย แต่มารุมต่อต้านกันตอนนี้หมายความว่าอะไร และเรื่องรัฐธรรมนูญไม่มีคนรู้เลยหรือ เขาก็เดินสายไปชี้แจงหลายที่ สิ่งสำคัญคือคนที่มาต่อต้านวันนี้ไม่เคยเข้ารับฟัง ไม่ร่วมมือใด ๆ ทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ภายหลังทราบผลการลงประชามติ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1 - 2 วัน ถึงจะรู้ผลอย่างเป็นทางการ โดยในวันอังคาร (9 สิงหาคม) จะมีการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อวางแผน หาวิธีการในการดำเนินการต่อไป หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะทำอย่างไร และถ้าผ่านจะทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าจะสามารถเดินไปถึงปลายทางโรดแม็พ และเกิดการเลือกตั้งได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใครจะไม่ให้เดิน จะมาบังคับได้อย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีถืออำนาจรัฐตอนนี้ ต้องไปถามประชาชนว่าจะเอาอย่างไร อย่ามาถามนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มั่นใจอะไรทั้งสิ้น แต่มั่นใจว่าทำงานได้ หากประชาชนไม่ไว้วางใจก็เป็นเรื่องของประชาชนจะทำอย่างไรก็ว่ามา ต้องไปถามเขาบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ลงประชามติ 7 สิงหาคม จะมีการตั้งวอร์รูมที่ไหนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีการตั้งวอร์รูม อะไรทั้งสิ้น วอร์รูมของตนก็คือการนอนที่บ้านดูหนัง ดูละคร ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว เมื่อลงประชามติแล้วก็ถือว่าทำแล้ว หน้าที่ทุกคนมีแค่นั้นคือไปลงประชามติ รัฐบาลจะต้องมีการตั้งวอร์รูมอีกทำไม ส่วนที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการตั้งวอร์รูมนั้น เขาก็ฟังกันจากโทรทัศน์ทั้งหมด เป็นการดูข่าวจากโทรทัศน์อยู่แล้วทำไมต้องตั้งวอร์รูมขึ้นมาอีก วอร์รูมกันไปทำไม ถ้ามีความขัดแย้ง และล้มประชามติก็ติดคุกกันไป นี่คืออำนาจของตนเต็ม ๆ ก็ลองดูแล้วกัน อำนาจของตน และ คสช. มีแค่ไหนก็ทำเต็มที่ ใครมาทำให้กระบวนการล้มก็ต้องดูดำเนินการ ทั้งนี้ เมื่อการลงประชามติเสร็จสิ้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องรอผลการลงประชามติของประชาชน และเตรียมการแก้ปัญหาต่อไป
พร้อมกล่าวว่าต่อไปว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ได้ขอความร่วมมืออะไรเข้ามา เขาขอเพียงให้ดูแลในเรื่องกฎหมาย และไม่ต้องขออะไรเพิ่ม หน้าที่ของรัฐบาลทำให้ตามกฎหมายอยู่แล้ว และต้องทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เกิดความสงบเรียบร้อย ในฐานะหัวหน้า คสช. กรธ.ก็มีหน้าที่ในการจัดทำรัฐธรรมนูญ ตนมีหน้าที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาขออะไรเพิ่มเติมหน้าที่รักษาความปลอดภัยตนทำให้อยู่แล้ว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th