โฆษกรัฐบาลเผย ประชาชนเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยสูงสุดในรอบ 7 เดือน สอดรับการขยายตัวช่วงไตรมาสแรกของปี ขอประชาชนอย่าห่วงผลประชามติ แนะออกไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สร้างเสถียรภาพการเมือง ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ถือเป็นข่าวดีที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.59 ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน หรือเป็นครั้งแรกของปีนี้ จากระดับ 71.6 ในเดือน มิ.ย.59 เป็น 72.5 โดยผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นทั้งต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม รายได้ในอนาคต โอกาสในการหางานทำ ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น เป็นต้น
“ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.ค. เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะบ่งบอกว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะดีขึ้นในระยะต่อไป โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะประชาชนเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีกว่าที่ผ่านมา ซึ่งมาจากการที่รัฐบาลเร่งรัดการใช้จ่ายด้านการลงทุนขนาดใหญ่และระดับฐานราก ส่วนภาคการท่องเที่ยวและการผลิตขยายตัวได้ดี ภาคการเกษตรก็กลับมาดีขึ้นหลังจากผ่านพ้นภัยแล้ง
สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปี 59 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.2 เร่งขึ้นจากร้อยละ 2.8 ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 12 ไตรมาส”
พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า สำหรับความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะยังไม่แน่ใจว่า ผลจะเป็นอย่างไรนั้น รัฐบาลขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจ และออกไปทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เพราะรัฐบาลประกาศชัดเจนแล้วว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร ทุกอย่างจะเดินหน้าไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ตามโรดแมป
“ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในรัฐบาล ทั้งเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศในวันลงประชามติและระยะเวลาต่อไปจากนี้ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และการพัฒนาประเทศโดยรวม เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้การเข้ามาควบคุมอำนาจนั้น เป็นไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือเกิดปัญหาซ้ำรอยกับในอดีตที่ผ่านมา
หากประชาชนให้ความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติตามกฎหมายในวันลงประชามติ ช่วยกันประคับประคองสถานการณ์โดยรวมของประเทศไม่ยอมให้ผู้ไม่หวังดีสร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย ตลอดจนเสนอแนะและมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศกับรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ ก็จะช่วยให้บ้านเมือง มีเสถียรภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th