วันนี้ (12 สิงหาคม 2559) เวลา 08.30 น. ณ พื้นที่สวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 1 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อม รศ. นราพร จันทร์โอชา ภริยา ร่วมกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 โดยมี คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ผู้บริหารกระทรวงการคลัง กองทัพบก พนักงานโรงงานยาสูบ ผู้บริหารบริษัทเอกชน และประชาชนเข้าร่วม
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงบริเวณงาน ณ ลานด้านหน้าสระน้ำ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นายกรัฐมนตรีรับฟังการกล่าวรายงานสรุปการจัดงานวิ่ง “12 สิงหา ฮาล์ฟ มาราธอน กรุงเทพฯ 2016” จากนายวิสุทธิ์ ศรีพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานในพิธีมอบรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมมอบถ้วยเกียรติยศของนายกรัฐมนตรีให้แก่ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ในระยะฮาล์ฟมาราธอนให้แก่ผู้ชนะเลิศ
สำหรับการจัดงานวิ่ง “12 สิงหา ฮาล์ฟ มาราธอน กรุงเทพฯ 2016” เป็นหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ของรัฐบาล และถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักวิ่งทุกคนได้ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันแม่แห่งชาติในปีนี้ โดยในปีนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สำหรับเหรียญผู้พิชิตที่ระลึกของงานในปีนี้ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 มาสลักบนเหรียญผู้พิชิตที่จะมอบให้กับนักวิ่งหลังเข้าเส้นชัยทุกคน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 1 นายกรัฐมนตรีขึ้นเวทีเพื่อกล่าวถวาย ราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และกล่าวนำถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระฉายาลักษณ์ เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2559 ดังนี้
ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพสกนิกรชาวไทย ที่มาชุมนุมพร้อมกัน ณ บริเวณ สวนเบญจกิติ ล้วนมีความปลื้มปิติ (โสภานัด)เป็นล้นพ้น ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคมในวันนี้ สวนเบญจกิติ เป็นสวนป่าที่ได้มีโอกาสร่วมเฉลิมฉลองพระเกียรติ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ในโอกาสอันมงคล ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบรอบ(พระกษัท)ต่างๆ มาเป็นลำดับ รัฐบาลในปีพุทธศักราช 2534 ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพื้นที่เดิมของโรงงานยาสูบ จำนวน 430 ไร่ เพื่อจัดสร้างสวนป่าเฉลิมพระเกียรติใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ พุทธศักราช 2535 เพื่อเป็นสวนสาธารณะให้กับชาวกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้เป็นสวนป่ามีบริเวณที่ไร้สิ่งก่อสร้าง และให้นำพันธุ์ไม้สูญพันธุ์และพันธ์ไม้หายากมาปลูก จนเป็นป่าสมบูรณ์ อย่างน้อย 350 ไร่ พื้นที่นอกเขตนี้ให้เป็นป่าดงดิบ แต่ส่วนหนึ่งให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย แต่เนื่องจากโครงการปลูกสวนป่าและการย้ายพื้นที่โรงงานยาสูบ ออกไปอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องใช้ระยะเวลานาน จึงแบ่งการดำเนินการออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้เกิดการเริ่มต้น ดำเนินการในส่วนที่พร้อมก่อน พร้อมทั้งขอนามพระราชทานสวนป่าแห่งนี้ ซึ่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้ทรงโปรดเกล้าโปรดหม่อม ได้พระราชทานนามว่า ศูนย์เบญจกิติ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2537 จากนั้นรัฐบาลได้ดำเนินการก่อสร้างสวนเบญจกิติ พื้นที่ส่วนแรกจำนวน 130 ไร่ เป็นสวนสาธารณะในรูปแบบของสวนน้ำ และสวนรุคชาติ และเสร็จทันในโอกาสเฉลิมพระเกียรติมหามงคลพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ซึ่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ส่งเดินทางมาเปิดสวนเบญจกิติ ส่วนแรก ที่เป็นส่วนน้ำในวันที่ 9 พฤษภาคม 2547 พื้นที่ที่เหลือ โรงงานยาสูบจะส่งมอบเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่หนึ่ง เนื้อที่จำนวน 61 ไร่ ทางโรงงานยาสูบได้ส่งมอบเรียบร้อยแล้ว ระยะที่สอง เนื้อที่ประมาณ 56 ไร่ จะส่งมอบในเดือนสิงหาคม 2560 และอีกจำนวน 75 ไร่ จะส่งมอบในเดือนมีนาคม 2561 ระยะที่สาม เนื้อที่ประมาณ 158 ไร่ ส่งมอบในเดือนพฤศจิกายน 2562 บัตรนี้พื้นที่จำนวน 61 ไร่ ได้เสร็จทันในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคมศกนี้
ประชาชนชาวไทยมีความเคารพ เทิดทูน และศรัทธา สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แผ่นดินไทยมีความเจริญรุ่งเรืองมา(จวบ)ทุกวันนี้ เนื่องด้วยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักชัย โดยเฉพาะในรัชกาลปัจจุบัน บ้านเมืองมีความมั่นคง และได้รับการพัฒนาเจริญก้าวหน้า อาณาประชาราษฎร์ใต้เบื้องพระบารมี ต่างมีความร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี ตลอดระยะเวลาที่ได้ส่งพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมราชินีนารถของชาวไทย ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา และกำลังพระราชทรัพย์ สร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ประเทศชาติ ความผาสุกแก่พสกนิกรปวงชนชาวไทยมหาศาล โครงการตามพระราชดำริหลากหลายสาขา ล้วนสร้างประโยชน์แก่ประชาชน ทั้งการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมศิลปชีพ และการพัฒนาเกษตรกรรม การศึกษา การสาธารณสุข และการเชิดชูภูมิปัญญาไทย พระราชกรณียกิจทั้งปวง ช่วยให้พสกนิกรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข และความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดไม่ได้ ตลอดระยะเวลาที่ทรงเป็นพระมหาคู่บารมี ส่งตรากตรำบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เจริญรอยตามพยุคลบาท เป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทยเป็นอเนกอนันต์ พระมหากรุณาที่คุณ และพระเมตตาคุณ จะสถิตอยู่ในดวงใจชาวไทยตลอดไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมอบนโยบายในตอนหนึ่งว่า ต้องการให้ประชาชนทุกคนรวมมือรวมพลังกัน เพราะจากนี้ไปประเทศไทยต้องพึ่งประชาชนทุกคน ในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับน้ำและป่า
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อไปว่า ทุกคนต้องช่วยกันทำเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถให้ทั้งสองพระองค์ทรงสบายพระหฤทัย ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนก็ต้องทำให้ได้ อย่างที่ทรงได้หวังกับประเทศไทย และประชาชนชาวไทยทุกคน เพราะทุกอย่างที่ทำไว้ก็เพื่อคนไทยและประเทศไทยทั้งหมด
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังการกล่าวรายงานความเป็นมาของโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” และร่วมปลูกต้นราชพฤกษ์ ในสวนป่า พร้อมเยี่ยมชมสวนป่า ก่อนเดินทางกลับ
-------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th