วันนี้ (13 สิงหาคม 2559) เวลา 16:00 น. ณ อาคารชาเล็นเจอร์ 2 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี" จัดโดยกระทรวงมหาดไทย มีผู้ร่วมงานประมาณ 700 คน อาทิเช่น รองราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี คณะเอกอัครราชทูต ข้าราชการ และประชาชน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย จัดงาน "ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี" ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ ต้องการให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และได้ร่วมกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตลอดจนส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นฝีมือและผลงานของพี่น้องประชาชนอีกด้วย โดยการจัดงานได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม และจะดำเนินการไปจนถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2559 และจะมีกิจกรรมสำคัญ ๆ ภายในงาน เช่น การจัดนิทรรศการ การแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ การประกวดภาพถ่าย การจำหน่ายสินค้าโอท้อประดับ 3-5 ดาว อาหารชวนชิมจากทั่วประเทศ กว่า 2,500 ราย เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประชาชนคนไทยล้วนสำนึกและซาบซึ้งในพระมหากรุณาที่คุณที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้อยู่ดีกินดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งมูลนิธิศิลปาชีพฯ ขึ้น เพื่อทรงสร้างงาน สร้างอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้แก่ราษฎรไปพร้อม ๆ กับการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาไทยให้คงอยู่คู่ชาติตลอดไป ด้วยพระราชทานปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงส่งเสริมงานได้ศิลปาชีพให้ประชาชนได้มีอาชีพเสริมจากการทำนาทำไร ซึ่งช่วยส่งผลให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการนำความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ในชุมชนมาปรับประยุกต์รวมถึงฟื้นฟูให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งงานด้านศิลปะ งานหัตถกรรม ซึ่งล้วนถือเป็นงานฝีมืออันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของบรรพบุรุษและวัฒนธรรมของประเทศไทย และอีกสิ่งหนึ่งที่พระองค์ท่านไม่เคยหลุดจากพระราชหฤทัย นั่นคือ การเกษตร การลดใช้สารเคมีอินทรีย์ การทำเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงความสัมพันธ์ ของ คน น้ำ และป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยพึ่งพากันมาโดยตลอด ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ที่จะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีรายได้เพิ่มมากขึ้น สิ่งเรานั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านได้ถ่ายทอดสู่ประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย และเป็นภาพลักษณ์ที่ดีงาม
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า จากการรายงานของกระทรวงมหาดไทย มี ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในวันแรกมีรายได้มากกว่า 10 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์สินค้าจากฝีมือและภูมิปัญญาของคนไทย ทำให้เกิดรายได้จะกลับสู่คนไทยด้วยกันเอง อย่างไรก็ตาม ปัญหาของการส่งเสริม ฝึกฝน พัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นบ้านนั้น ยังไม่ได้มีการรับรองว่าสามารถทำให้มีรายได้ที่แน่นอน รัฐบาลจึงส่งเสริมสนับสนุนให้ครอบคลุมถึงภูมิภาค จังหวัด จน กระทั่งไปถึง ตำบล และหมู่บ้านให้ได้ แก้ไขปัญหาอุปสรรคอย่างครบวงจร
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ผลิตภัณฑ์สินค้าไทยมีคุณภาพอยู่แล้ว เหลือเพียงแต่การสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นสิ่งสำคัญของประเทศไทย โดยรัฐบาลจะได้ส่งเสริมสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP ไปสู่ระดับนานาชาติอย่างเต็มกำลัง เช่น การนำสินค้าขึ้นไปจำหน่ายบนเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศอย่างครบวงจร และพัฒนาให้ก้าวไกลไปในระดับโลก ซึ่งเหลือเพียงแต่การประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง และจะต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนา อย่างไรก็ตาม การลงทุนวิจัยก็เป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่จะต้องเร่งดำเนินการ ทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวงจะต้องร่วมกันพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยมุ่งหวังให้สินค้าพัฒนาไกลที่สุด รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ความเป็นไทย เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ควรละทิ้งตรงจุดนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ประวัติความเป็นมาของผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นบ้านว่า ทั้งหมดเริ่มจากพระมหากษัตริย์ตั้งแต่อดีตมาอย่างยาวนาน เพื่อเตือนประชาชนคนไทยอย่าลืมประวัติศาสตร์ในอดีต ที่ทำให้ทุกคนอยู่ได้จนทุกวันนี้ และปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดสามารถแก้ไขได้ ยกเว้นประชาชนคนไทยด้วยกันเอง
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ถ้าเดินเยี่ยมชมกิจกรรม สินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP จากทั่วประเทศ พร้อมเชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคน ช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ที่เป็นสินค้าที่เกิดจากฝีมือของประชาชนพี่น้องชาวไทยด้วยกันเอง ให้ก้าวไปสู่การแข่งขันในสากล เพื่อนำรายได้กลับมาสู่ประเทศไทยอย่างมั่นคง มั่งคัง และยังยืนต่อไป
---------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th