วันนี้( 22 สิงหาคม 2559) เวลา 09.00 น. ณ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษกำแพงเพชร 2 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม กรรมการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ผู้บริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และผู้บริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวรายงานว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและคมนาคมด้านทางบกเพื่อลดระยะเวลาในการเดินทางของประชาชนและเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยให้ กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555 และดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยได้เปิดทดลองให้ประชาชนใช้บริการฟรีระหว่างวันที่ 15 - 17 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา มีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 สิงหาคม 2559 ทั้งนี้ โครงการทางด่วนดังกล่าวเป็นจะช่วยแบ่งเบาปริมาณการจราจรบนท้องถนนระดับพื้นดินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดพิธีและมอบนโยบายในตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีกับความสำเร็จของประเทศที่สำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง ทางด่วนพิเศษนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างความเข้มแข็ง และความมั่นคงให้กับประเทศ สร้างประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเส้นทางการเชื่อมโยงในอาเซียน และจะเชื่อมโยงเส้นทางไปสู่เส้นทางต่าง ๆ ในระดับภูมิภาค รวมถึงเชื่อมเส้นทางไปสู่เส้นทางคู่ขนาน และเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะเชื่อมโยงไปถึงประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า กรุงเทพมหานคร มีปัญหาการจราจรที่ติดขัดมายาวนาน จึงจำเป็นจะต้องดำเนินการแก้ไขเพื่อสร้างระเบียบให้กับกรุงเทพมหานคร โดยคิดแนวใหม่ ขยายไปสู่ภูมิภาค สู่ชนบท เพื่อลดความแออัด ลดปัญหาการจราจรติดขัดในชุมชนเมือง รวมไปถึงลดมลพิษก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยให้กระทรวงคมนาคม ร่างแผนการสร้างเส้นทางการเชื่อมโยงจากภูมิภาคมาสู่ชุมชนเมือง สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนชนบท เพื่อทำให้ประชาชนในชุมชนชนบท มีอาชีพสร้างรายได้ในพื้นที่บ้านเกิดของตนเอง โดยแผนการดำเนินการเหล่านี้ จะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 20 ปี โดยจะมีการแยกงบประมาณอย่างชัดเจน และดำเนินการโดยเร็ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ฝากกระทรวงคมนาคม ดำเนินการจัดทำแผนเส้นทางเชื่อมโยงให้ทั่วถึงทุกระดับ โดยมีระบบเส้นทางที่มีความสะอาด และปลอดภัย เน้นเรื่องของการให้ความรู้ประชาชนให้เข้าใจมากที่สุด
ที่มา: http://www.thaigov.go.th