นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลกับหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจังหวัดร้อยเอ็ด วันนี้ (23 สิงหาคม 2559) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมกันเกรา ชั้น 3 โรงแรมราชภัฏกรีนวิว มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลกับหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจังหวัดร้อยเอ็ด
นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นำเสนอยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเศรษฐกิจของจังหวัดให้สามารถนำไปสู่ภาวะที่เอื้อต่อการสร้างรายได้ สร้างโอกาส และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน ทั้งนี้ สถานะทางเศรษฐกิจของจังหวัดร้อยเอ็ดในปัจจุบันขาดพลังในการขับเคลื่อน ซึ่งภาคการเกษตรที่เป็นรายได้หลักของประชาชนไม่แข็งแรงเพราะเป็นระบบการผลิตแบบดั้งเดิม และมีความเสี่ยงต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทางจังหวัดจึงกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาด้วยโมเดล "ร้อยเอ็ด 4.101" เพื่อใช้คุณค่าจากศักยภาพของจังหวัดที่มีอยู่ขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดตามโมเดล ดังนี้ 1. พัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา 2. พัฒนาจังหวัดร้อยเอ็ดให้เป็นพื้นที่เป้าหมายทางการท่องเที่ยวตามแผนสามเหลี่ยมการท่องเที่ยวสาเกตนคร 3. พัฒนาการเชื่อมโยงเครือข่ายการคมนาคมขนส่งสนับสนุนให้จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นพื้นที่น่าสนใจการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง และ 4. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่อำเภอจังหาร ทุ่งเขาหลวง และเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อลดพื้นที่การเกษตรที่ประสบอุทกภัย และลดพื้นที่ภัยแล้ง
ภายหลังการรับฟังการนำเสนอยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาจังหวัดร้อยเอ็ดจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบแนวทางการพัฒนาว่า การพัฒนาจะต้องสร้างความเข้มแข็งในทุกระดับ และพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน ตามหลักความมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน โดยโครงการพัฒนาที่จังหวัดเสนอมานั้น นายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการและให้หน่วยงานไปร่วมกันพิจารณาดำเนินการ โดยเฉพาะในส่วนที่เชื่อมโยงกัน ส่วนโครงการใดที่อยู่ในแผนงานของส่วนราชการอยู่แล้วให้เร่งรัดดำเนินการให้ได้ในปีงบประมาณ 2560 เพื่อประชาชนจะได้รับประโยชน์และบรรเทาความเดือดร้อน ได้ผลอย่างชัดเจน นอกจากนี้ แผนการพัฒนาต่าง ๆ ต้องให้ความสำคัญเรื่องการเชื่อมโยง เช่น การท่องเที่ยวจะต้องเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัด และจัดเป็นแพคเก็ตการท่องเที่ยวในภูมิภาค หรือการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานจะต้องเชื่อมโยงในแต่ละระดับทั้งถนน รถไฟ ท่าเรือ สนามบินรวมถึงการเชื่อมโยงไปประเทศเพื่อนบ้าน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ส่วนราชการต่าง ๆ เร่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาประเทศของรัฐบาล เช่น ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้นโยบายสามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการสนับสนุนและตอบรับจากประชาชน
------------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th