วันนี้ (6 กันยายน 2559) เวลา 08.30 น. ณ โรงแรมที่พัก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบทีมประเทศไทยและหารือกับผู้แทนไทยในสมัชชารัฐสภาอาเซียน ผู้แทนเยาวชนอาเซียน และสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้แทนจากสมัชชารัฐสภาอาเซียน ได้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้แทนเยาวชนอาเซียน ได้แก่ นายโชติ จินดารัตนชนกิจ และ นางสาวนุชนาถ จันทราวุฒิการ ผู้แทนสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ได้แก่ นายอรินทร์ จิรา รองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายไพรัช บูรพชัยศรี กรรมการเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย
ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายทีมประเทศไทยให้ทำงานแบบบูรณาการ หากการดำเนินงานประกอบด้วยหลายหน่วยงาน ต้องมีเจ้าภาพในการทำงาน เจ้าภาพหลัก เจ้าภาพรอง และเจ้าภาพเสริม สำหรับการพิจารณางบประมาณขอให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่จะทำ เพื่อให้งานขับเคลื่อนไปข้างหน้า อย่าทำงานแบบปีงบประมาณ แต่ให้ทำงานแบบคาดผลสัมฤทธิ์ และงานจากนี้จะต้องเดินด้วยนวัตกรรม นอกจากนี้ ต้องศึกษากฎหมายและกฎระเบียบของประเทศ และของอาเซียน
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยดูเรื่องความเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน ประเทศไทยไม่ต้องการเป็นผู้นำ แต่ควรเป็นผู้ริเริ่ม สร้างความไว้วางใจ ลดความหวาดระแวง และมีผลประโยชน์ที่เท่าเทียม สิ่งใดที่เราให้ได้ ก็ควรเป็นผู้ให้ นอกจากนี้ มีการเตรียมการเพื่อรับกับความท้าทายจากความเชื่อมโยง อาทิ ปัญหาหมอกควัน ด้วย
สำหรับการพบหารือกับผู้แทนไทย 3 สมัชชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับผู้แทนไทยในสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ถึงความสำคัญ ในฐานะสื่อกลางระหว่างผู้นำและฝ่ายนิติบัญญัติของอาเซียน พร้อมขอให้ผู้แทน AIPA ช่วยสร้างความตระหนักรู้ด้านกฎระเบียบต่าง ๆ ในอาเซียน ให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง และมีส่วนร่วมในประชาคมอาเซียน
สำหรับผู้แทนเยาวชนอาเซียน นายกรัฐมนตรียินดีกับเยาวชนไทยที่ได้รับการคัดเลือกมาร่วมประชุมกับผู้น้าอาเซียนที่เวียงจันทน์ และขอให้สร้างความเข้มแข็ง โดยที่รัฐบาลสนับสนุนการสร้างเครือข่ายเยาวชนในอาเซียน เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม สร้างจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม และสร้างเครือข่ายอาสาสมัคร เพื่อส่งเสริมความสมานฉันท์และมิตรภาพที่ยั่งยืนในอาเซียน โดยรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลของไทยให้ได้ประโยชน์จากตลาดแรงงานที่เปิดกว้างขึ้นในอาเซียน โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเยาวชนสู่ยุคประเทศไทย 4.0 ผ่านการศึกษาที่ส่งเสริมไอซีทีและเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งทักษะด้านภาษา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ด้านสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้รับข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนและได้นำมาพิจารณาแล้ว พร้อมขอให้สภาธุรกิจอาเซียน ช่วยกันสร้างเครือข่ายทางการค้าการลงทุนเพื่อให้ทุกประเทศเดินหน้าไปด้วยกัน โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเต็มที่และขอให้ภาคธุรกิจมั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะยังคงให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุนและการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นกำลังหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th