วันนี้ (7 ก.ย. 59) เวลา 14.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ครั้งที่ 18 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ในที่ประชุม มีการส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ฉบับใหม่ (2559-2563) โดยผู้นำอาเซียนและประธานาธิบดีปัก กึน-ฮเย แห่งสาธารณรัฐเกาหลี ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือให้บรรลุเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน และเห็นพ้องให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญในส่วนของไทย ดังนี้
ด้านความสัมพันธ์อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ไทยยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันแน่นแฟ้นและมีความร่วมมือที่ครอบคลุมรอบด้าน นายกรัฐมนตรีเห็นว่า อาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีต้องช่วยกันปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองฝ่ายทวีความใกล้ชิด เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและสันติภาพเสถียรภาพ ตลอดจน ความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค โดยไทยสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีอย่างเต็มที่
สำหรับความร่วมมือในกรอบ RCEP นายกรัฐมนตรีขอให้ผู้นำร่วมกันแสดงเจตจำนงทางการเมืองเพื่อช่วยกันเร่งรัดการเจรจา RCEP ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นให้การค้าขายและการลงทุนระหว่างกันขยายตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในสาขาต่าง ๆ ให้กับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ด้านเศรษฐกิจการค้า ไทยเห็นว่า ประชาคมอาเซียนกำลังมุ่งไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอันหลากหลายและตลาดที่มีผู้บริโภคขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น ไทยจึงอยากเชิญชวนนักธุรกิจเกาหลีให้เข้ามาแสวงหาโอกาสในอาเซียน โดยเฉพาะการลงทุนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งมีศักยภาพ และสามารถช่วยสนับสนุนกระบวนการผลิตในระดับภูมิภาคและของโลก นอกจากนี้ การเข้ามาลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนภายใต้แนวคิด “ไทยแลนด์พลัสวัน” “วันพลัสวัน” และ “อาเซียนพลัสวัน” เป็นโอกาสหนึ่งของการลงทุนใหม่ ๆ ในภูมิภาค โดยสภาธุรกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีและศูนย์อาเซียน-เกาหลี สามารถแสดงบทบาทเพื่อช่วยผลักดันในเรื่องนี้
ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนมีแนวคิดที่จะใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ จึงอยากให้สาธารณรัฐเกาหลีซึ่งมีความก้าวหน้าที่โดดเด่นในด้านนี้ในระดับโลก แบ่งปันประสบการณ์อันมีค่าผ่านการส่งเสริมความร่วมมือ ด้านการศึกษา การวิจัย และการฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของสาธารณรัฐเกาหลีและการเพิ่มการจ้างงานในอาเซียน
สำหรับเป้าหมายสำคัญของอาเซียน คือ การลดความเหลื่อมล้าทางสังคม กระจายความเจริญจากเมืองสู่ชนบทและพื้นที่ชายแดน และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและสังคมอยู่เย็นเป็นสุข ดังนั้น ไทยจึงหวังที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ของสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ ในเรื่องการบริหารจัดการป่าไม้ การจัดการทรัพยากรน้ำ การเติบโตสีเขียว พลังงานสะอาด และไทยพร้อมจะสนับสนุนบทบาทของสาธารณรัฐเกาหลีในการปฏิบัติตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 เพื่อบรรลุการพัฒนาความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อและการสร้างระเบียงเศรษฐกิจในภูมิภาคและอนุภูมิภาคอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ไทยเห็นว่าการปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญและเสนอให้ร่วมมือกันขยายพื้นที่ป่าไม้ ด้วยการรณรงค์การปลูกป่าเพิ่มเติม เพื่อสร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติ และรักษาแหล่งน้ำ และป่าโกงกางเพื่อลดการกัดเซาะของชายฝั่ง
ด้านวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีได้ร่วมสนับสนุนการกำหนดให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี และยินดีที่มีการก่อสร้างหอวัฒนธรรมอาเซียนที่เมืองปูซานเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างสองฝ่าย และเห็นว่า วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และกีฬา เป็นช่องทางที่มีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างเยาวชนและประชาชน ซึ่งก่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันอันเป็นรากฐานสำคัญของการมีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดในระดับรัฐบาลและประเทศในอนาคต
ด้านสันติภาพและความมั่นคง ไทยชื่นชมข้อริเริ่มและการผลักดันของประธานาธิบดี ปัก กึน-ฮเย ในเรื่องความร่วมมือและสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีเป้าหมายสอดคล้องกับของอาเซียน นอกจากนี้ ไทยเห็นความสำคัญของความร่วมมือไตรภาคีที่มีต่อการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยรวม
ที่มา: http://www.thaigov.go.th