วันนี้ (16 ก.ย. 59) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จ.ภูเก็ต พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี พบปะประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวพบปะประชาชนว่า จังหวัดภูเก็ตมีภูมิประเทศเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและขึ้นชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งอันดามัน มีธรรมชาติที่สวยงาม วิถีการดำเนินชีวิต วัฒนธรรมประเพณี อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงศิลปะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามทำให้ภูเก็ตเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกจนเป็นที่ยอมรับขององค์การยูเนสโก ซึ่งได้จัดให้เมืองภูเก็ตเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร ทำให้เป็นที่ยอมรับในเสน่ห์ของการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ การดำเนินงานภาคประชารัฐของจังหวัดภูเก็ตถือว่า มีศักยภาพและความพร้อมสำหรับการพัฒนาตามโครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของจังหวัดมาเพิ่มมูลค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นต้นแบบในลักษณะ Phuket Model ให้กับจังหวัดอื่นๆโดยมีผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่น่าสนใจในหลายด้าน ทั้งด้านการเกษตร มีสับปะรดภูเก็ต นมแพะ กุ้งมังกรเจ็ดสีภูเก็ต (Lobster) ส่วนด้านการแปรรูปมีผ้าบาติก และด้านการท่องเที่ยวมีท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งการดำเนินงานแบบประชารัฐ คือความร่วมมือจากหลายส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการร่วมคิดร่วมทำและทำงานในส่วนที่ตนเองถนัด เพื่อร่วมบูรณาการแก้ไขและพัฒนาดูแลเรื่องการกระจายรายได้ให้เหมาะสมและสมดุล รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระดับฐานรากมีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยขอชื่นชมจังหวัดภูเก็ตที่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม และรัฐบาลจะนำรูปแบบการดำเนินการของจังหวัดภูเก็ตขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่เข้ามาดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งในเรื่องการแปรรูปสินค้าเกษตรและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเตรียมศักยภาพในการเชื่อมโยงไปถึงมิตรประเทศต่าง ๆ และประเทศในแถบอาเซียนให้เติบโตและก้าวเดินไปพร้อมกันทุกประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลพร้อมผลักดันโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม การสร้างสภาพแวดล้อมของจังหวัด เพื่อตอบสนองการก้าวสู่การเป็น Smart City ทั้ง 7 ด้าน คือ Smart Economy, Smart Tourism, Smart Safety, Smart Environment, Smart Healthcare, Smart Education และ Smart Governance ตามวิสัยทัศน์ “พัฒนาเมืองท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนบนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และสร้างสุขให้กับทุกคน และได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อน Phuket Smart City อีกด้วย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต โครงการทางพิเศษสายกะทู้ – ป่าตอง และโครงการก่อสร้างเส้นทางสายสาคู – เกาะแก้ว ซึ่งในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จังหวัดภูเก็ตจะเป็นเมืองที่ทันสมัยด้านการท่องเที่ยว ด้านนวัตกรรม ด้าน Digital และเป็นเมืองศูนย์กลางการประชุมและจัดนิทรรศนานาชาติของภูมิภาค ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานของจังหวัดภูเก็ต พร้อมกับนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องการดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการพัฒนาทุกอย่างจะต้องใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินชีวิตของประชาชนมีคุณภาพที่ดี ทุกภาคส่วนจะต้องคำนึงและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงสังคมเป็นประเด็นหลัก ทั้งเรื่องการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล การพัฒนาประชารัฐและนวัตกรรม การพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีการพัฒนาทั้งในเชิงเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่มีคุณภาพ
----------------------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th