นายไบรอัน จอห์น เดวิดสัน (Mr. Brian John Davidson) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่
วันนี้ (20 ก.ย. 59) เวลา 13.30 น. นายไบรอัน จอห์น เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องทำงานรองนายกรัฐมนตรี ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับออท.สหราชอาณาจักรฯ และแสดงความยินดีในการดำรงตำแหน่งออท.สหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ด้านออท.สหราชอาณาจักรฯ แสดงความขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรู้สึกเป็นเกียรติที่รองนายกรัฐมนตรีสละเวลาให้เข้าพบ ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้นทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรที่มีมายาวนาน
ออท.สหราชอาณาจักรสอบถามเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจไทยและแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยอยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศ ซึ่งขณะนี้เราสามารถประคองเศรษฐกิจไทยให้มีพลวัตได้ แม้ในช่วงเศรษฐกิจโลกจะหยุดชะงัก รัฐบาลขับเคลื่อนให้มีการปฏิรูปด้านโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างความเชื่อมโยงทั้งด้านถนนและรถไฟ การเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการใช้เทคโนโลยี และเศรษฐกิจดิจิทัล
ทั้งนี้ออท. สหราชอาณาจักรยินดีสนับสนุนให้นักลงทุนสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเห็นว่าไทยมีบทบาทสำคัญในอาเซียน และมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจอีกมาก ทั้งนี้นโยบายของรัฐบาลถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ามีกำหนดจะเดินทางไปเยือนฝรั่งเศสและเยอรมนีในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ และหวังว่า จะมีเวลาไปเยือนสหราชอาณาจักร และได้พบหารือกับรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ซึ่งออท. สหราชอาณาจักรกล่าวว่ายินดีต้อนรับการเยือนของรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน
โอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรีแสดงความมั่นใจในเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร แม้จะมี Brexit แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาวเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะดีขึ้น ทั้งนี้ไทยพร้อมจะร่วมมือกับสหราชอาณาจักรเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในด้านที่มีศักยภาพ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนของทั้งสองประเทศด้วย
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังหวังให้สหราชอาณาจักรส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาแก่ไทย และสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรเข้ามาเปิดสถาบันระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรของไทยต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th