พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลใช้กลไกประชารัฐผลักดันการเปิดตลาดชุมชน ภายใต้โครงการตลาดต้องชม ตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของชุมชน ได้ครบทุกจังหวัดและ กทม. ตามเป้าหมายจำนวน 77 แห่งในปีแรกแล้ว สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนหลักแสนบาทโดยตลาดบางแห่งสามารถสร้างรายได้ราว 4 – 5 แสนบาทต่อวัน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนที่ผลิตสินค้ามาจำหน่ายบางครัวเรือนมีรายได้ 5 - 6 พันบาทต่อวัน
“ตลาดต้องชม เป็นตลาดชุมชนที่มีการซื้อขายสินค้าท้องถิ่นคุณภาพดี ในราคาที่เป็นธรรม และยังคงรักษาอัตลักษณ์ของชุมชนไว้ โดยมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ตลาดให้สวยงาม เป็นระเบียบ ช่วยดึงดูดคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอย ทั้งสินค้าเกษตร หัตถกรรม โอท็อป และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ตลาดเซราะกราว จ.บุรีรัมย์ ตลาดนาวง จ.นครศรีธรรมราช กาดข่วงเมืองน่าน จ.น่าน ตลาดน้ำลำพญา จ.นครปฐม เป็นต้น”
พลโท สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีฝากขอบคุณ พณ ที่เป็นหลักสนับสนุนให้เกิดตลาดนี้ขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นย้ำว่า ตลาดต้องชมจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจระดับฐานราก โดยเป็นจุดเชื่อมโยงและกระจายผลผลิตอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการค้าขายและการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน คนในชุมชนจึงมีอาชีพ และมีรายได้ นำไปเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว
“ในอนาคต พณ.จะร่วมมือกับ ททท. ผลักดันให้ตลาดต้องชมเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ทุกคนรู้จัก และเป็นแหล่งชม ชิม ช้อป ของพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินโครงการตลาดต้องชมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พ่อค้า แม่ค้า ผู้บริโภค และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน โดยรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มตลาดต้องชมให้ครบจังหวัดละ 3 แห่ง รวมเป็น 231 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2561”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th