วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ดาโต๊ะ ไซ อาริฟฟ์ ฟัดซิลละห์ บิน ไซ อาวาลุดดิน เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำปประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่ออำลา ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ภายหลังกล่าวต้อนรับ ได้มีการสนทนาสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยว่า ได้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซียให้แน่นแฟ้น และก่อเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในปัจจุบันนับว่ามีความใกล้ชิดและพิเศษกว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้จากปัญหาและข้อพิพาทต่างๆที่ได้รับความร่วมมือและแก้ไขได้ลุล่วง โดยเฉพาะเรื่อง ปัญหาเขตแดนนั้น หากทั้งสองรัฐบาลได้แก้ไขกรณีเส้นเขตชายแดนได้สำเร็จก็จะเป็นประเทศเพื่อนบ้านคู่เดียวในภูมิภาคที่ไม่มีปัญหาชายแดนระหว่างกัน ซึ่งการพบปะพูดคุยกันระดับผู้นำ และรัฐมนตรีจะทำให้สามารถเจรจาและประนีประนอมในเรื่องต่างๆได้ลุล่วงยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโนบายต่างๆที่จะแก้ปัญหาของประเทศในระยะยาวและอย่างยั่งยืน ดังนั้นการดำเนินการต่างๆจึงต้องการความต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลมีเสภียรภาพที่จะบรรลุผลสำเร็จได้
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้กล่าวชื่นชมในความรู้ความสามารถและความตั้งใจจริงของนายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการตามนโยบายและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียมีการพัฒนาอย่างแน่นแฟ้นและก้าวหน้าไปด้วยดี ปัญหาต่างๆมีการร่วมการแก้ไขอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งสองประเทศ และแม้ว่าจะอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่มูลค่าการค้าระหว่างกันก็ยังเติบโต และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการดำเนินการระบบการค้าแบบหักบัญชีที่นายกรัฐมนตรีได้เสนอ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้กล่าวแสดงความประทับใจตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยจนมีความคุ้นเคยและผูกพันธ์อย่างลึกซึ้ง และหวังว่าจะยังคงมีส่วนร่วมในการประสานความร่วมมือและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศต่อไป
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยว่า ได้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซียให้แน่นแฟ้น และก่อเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในปัจจุบันนับว่ามีความใกล้ชิดและพิเศษกว่าในระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้จากปัญหาและข้อพิพาทต่างๆที่ได้รับความร่วมมือและแก้ไขได้ลุล่วง โดยเฉพาะเรื่อง ปัญหาเขตแดนนั้น หากทั้งสองรัฐบาลได้แก้ไขกรณีเส้นเขตชายแดนได้สำเร็จก็จะเป็นประเทศเพื่อนบ้านคู่เดียวในภูมิภาคที่ไม่มีปัญหาชายแดนระหว่างกัน ซึ่งการพบปะพูดคุยกันระดับผู้นำ และรัฐมนตรีจะทำให้สามารถเจรจาและประนีประนอมในเรื่องต่างๆได้ลุล่วงยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโนบายต่างๆที่จะแก้ปัญหาของประเทศในระยะยาวและอย่างยั่งยืน ดังนั้นการดำเนินการต่างๆจึงต้องการความต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลมีเสภียรภาพที่จะบรรลุผลสำเร็จได้
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้กล่าวชื่นชมในความรู้ความสามารถและความตั้งใจจริงของนายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการตามนโยบายและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียมีการพัฒนาอย่างแน่นแฟ้นและก้าวหน้าไปด้วยดี ปัญหาต่างๆมีการร่วมการแก้ไขอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งสองประเทศ และแม้ว่าจะอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่มูลค่าการค้าระหว่างกันก็ยังเติบโต และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการดำเนินการระบบการค้าแบบหักบัญชีที่นายกรัฐมนตรีได้เสนอ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้กล่าวแสดงความประทับใจตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยจนมีความคุ้นเคยและผูกพันธ์อย่างลึกซึ้ง และหวังว่าจะยังคงมีส่วนร่วมในการประสานความร่วมมือและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศต่อไป
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-