วันนี้ (2 ต.ค. 59) เวลา 11.00 น. ณ ศาลาประชาคมอ่าวอุดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมพบปะประชาชนชาวจังหวัดชลบุรี โดยมี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น และประชาชนรอให้การต้อนรับ
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวรายงานว่า จังหวัดชลบุรีมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 3,300,000 คน แบ่งเป็นประชากรตามทะเบียนราษฎร์ประมาณ 1,300,000 คน และประชากรแฝงอีกกว่า 2 ล้านคน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีฐานเศรษฐกิจสูง และเป็นประตูสู่เศรษฐกิจโลก จะเห็นได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ปี 2557 ของจังหวัดชลบุรีที่มีมูลค่า 430,000 ล้านบาท เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยใน ปี 2558 มีรายได้จากการท่องเที่ยว 130,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 ของรายได้ดังกล่าว ซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับจังหวัดชลบุรีในการเป็นฐานพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก จึงกำหนดให้จังหวัดชลบุรี เป็น 1 ใน 3 จังหวัด ที่เป็นระเบียงพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor; EEC) ที่จะสร้างการเจริญเติบโตให้จังหวัดชลบุรีและภูมิภาคตะวันออกอย่างมหาศาลอีกด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมาลงพื้นที่ใน จ.ชลบุรี ครั้งนี้ ตั้งใจเข้ามาช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะคนที่มีรายได้น้อย ถึงแม้จังหวัดชลบุรีจะเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงทางเศรษฐิจและและเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีคนที่มีรายได้น้อยอยู่ ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ขอให้ทุกคนอย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเลขจีดีพีมาก เพราะถึงตัวเลขจะดี แต่คนที่มีรายได้น้อยก็ยังเหมือนเดิม ดังนั้น เราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะต้องยกระดับคนเหล่านี้ให้เข้ากับอนาคตของประเทศไทยที่จะเป็นไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานจะต้องยกระดับเป็น 4.0 ในการให้บริการประชาชน และหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับค่าตอบแทน ให้แจ้งไปที่ศูนย์ดำรงธรรมได้ อีกทั้ง ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายนั้น รัฐบาลกำลังดำเนินการในเรื่องเหล่านี้อยู่ เพื่อให้ประชาชนและประเทศชาติมีเสถียรภาพ มีธรรมาภิบาล มีความสามัคคี ปรองดอง เศรษฐกิจเจริญเติบโต ความเจริญกระจายตัวทุกภูมิภาค ประชากรทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักดิ์ศรีและโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง มีจุดแข็งที่สามารถดึงการค้าการลงทุนสู่จังหวัดได้ มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญ การเป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ การเป็นศูนย์กลางทางค้า และมีท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางคมนาคม การนำเข้าและส่งออกทางทะเลที่สำคัญ รวมทั้งเส้นทางเชื่อมโยงการขนส่งไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับระบบ Logistics ซึ่งจะช่วยให้การบริการทันสมัย รวดเร็ว และประเทศไทยจะได้แสดงศักยภาพและความพร้อมในการเป็นประตูการค้าสู่ประชาคมอาเซียน พร้อมผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) เพื่อทำให้ไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค เป็น Gateway ที่แท้จริงสู่ CLMVT โดยต่อยอด Eastern Seaboard เพื่อสร้างฐานด้านเศรษฐกิจต่อไปยังอนาคต ควบคู่ไปกับการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน โดยการเชื่อมกรุงเทพฯ แหลมฉบัง มาบตาพุด และระยอง ทั้งการคมนาคมทางถนน สนามบินและท่าเรือ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้งเก่าและใหม่ในบริเวณดังกล่าวและเป็นจุดกระจายสินค้าไปสู่ประเทศอาเซียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมลพิษทางอากาศและทางน้ำ ตลอดจนการทิ้งขยะพิษในที่สาธารณะ เพราะมีการนำทรัพยากรไปใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรม จนทำให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ดังนั้น ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และขอความร่วมมือในแนวทางประชารัฐ เพื่อดูแลชายฝั่งให้มีความสมดุลกับการดำเนินชีวิตของประชาชนด้วย
---------------------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th