วันนี้ (14 ตุลาคม 2559) เวลา 22.30 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจกรณีสืบราชสันตติวงศ์ สรุปใจความสำคัญว่า เมื่อสิ้นรัชกาล หรือราชบัลลังก์ว่างลง สิ่งที่ต้องทำตามมามีอยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องการเตรียมการเกี่ยวกับพระบรมศพ และการสืบราชสันตติวงศ์ หรือการสืบราชสมบัติ ซึ่งการสืบราชสันตติวงศ์หรือการสืบราชสมบัติ จะเป็นไปตามกฎหมาย 2 ฉบับเป็นหลัก คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ซึ่งตราขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 แต่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนของรัฐธรรมนูญเรื่อยมาตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงทุกวันนี้ ส่วนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการสืบราชสมบัติที่จะใช้ต่อไปนี้ เป็นกฎเกณฑ์เดียวกับที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2534 เมื่อนำเอากฎเกณฑ์ที่ปรากฏ ในรัฐธรรมนูญไปเทียบกับกฎมณเฑียรบาลจะปรากฏรายละเอียดดังนี้
เมื่อราชบัลลังก์ว่างลง สิ่งที่ต้องดูว่าได้เคยสถาปนาพระรัชทายาทไว้หรือไม่ ถ้าไม่เคยมีการแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ก่อน จะมีพิธีปฏิบัติอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาพระรัชทายาท ไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2515 และรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้แล้วว่าเมื่อมีการสถาปนาพระรัชทายาทไว้แล้ว หากราชบัลลังก์ว่างลงให้คณะรัฐมนตรีแจ้งไปยังประธานรัฐสภาว่าได้มีการสถาปนาพระรัชทายาทไว้แล้วหรือไม่ เมื่อประธานรัฐสภาได้รับแจ้งจากคณะรัฐมนตรี ประธานรัฐสภาต้องเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อที่จะแจ้งให้ทราบว่าได้มีการสถาปนาพระรัฐทายาทไว้แล้วหรือไม่ และปัจจุบันคนที่ทำหน้าที่คือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อมีมติรับทราบแล้ว ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติขอประทานอัญเชิญให้พระรัชทายาทขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ หลังจากนั้นจะมีออกประกาศให้ประชาชนได้ทราบว่าประเทศไทยได้มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่แล้ว โดยจะใช้คำว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ยังไม่ใช้คำว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนกว่าจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า กระบวนการดำเนินการอัญเชิญให้พระรัชทายาทขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ไม่มีกรอบระยะเวลากำหนด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อคืนวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชปรารภว่า ขอทำใจร่วมกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศก่อน กิจบ้านการเมืองอะไรที่สามารถรอได้ขอให้รอไปก่อน วันนี้ขอให้เรื่องพระบรมศพให้ลุล่วงไประดับหนึ่งก่อน และเมื่อเวลาอันเหมาะสมกับบรรยากาศ ความรู้สึกของประชาชนจึงดำเนินการต่อ ซึ่งรัฐบาลได้รับเรื่องดังกล่าวสนองใส่เกล้าใส่กระหม่อม จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลยังไม่เสนอเรื่องการแต่งตั้งพระรัชทายาทไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงยังไม่มีการขอประทานอัญเชิญให้พระรัชทายาทขึ้นครองราชบัลลังก์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ แต่เมื่อถึงเวลาอันสมควร รัฐบาลพร้อมดำเนินการต่อไป โดยไม่มีข้อลังเล สงสัย อย่างไร ว่าจะมีการปฏิบัติเป็นอย่างอื่นใด ๆ ทั้งสิ้น
--------------------------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th