วันที่ (18 พฤศจิกายน 2559) เวลา 9.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ครั้งที่ 17/2559
ภายหลังเลิกการประชุมเวลาประมาณ 12.00 น. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวสรุปผลการประชุม ดังนี้
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานของส่วนราชการต่าง ๆ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ที่จะถึงนี้จะไม่มีการปิดการจราจรเต็มรูปแบบ แต่จะมีปิดการจราจรเฉพาะบริเวณถนน 8 สาย รอบสนามหลวง และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่จะนำรถยนต์ส่วนบุคคลเข้ามาจอดในบริเวณพื้นที่ถนนราชดำเนินหรือบริเวณใกล้เคียงสนามหลวง ซึ่งจะไม่อนุญาตให้จอดรถในทุกกรณี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่รถขนส่งสาธารณะ รถตู้ หรือรถที่เป็นรถขนส่งมวลชนเป็นหลักเพื่อจะได้สามารถจอดรถรับส่งผู้โดยสารได้โดยสะดวกและมีความปลอดภัยขึ้น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการจัดพื้นที่ในบริเวณสนามหลวง ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ โดยจะมีการเพิ่มเต็นท์และเก้าอี้กว่า 12,000 ตัว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน และจะมีปรับจุดการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มและจุดบริการทางการแพทย์ใหม่ รวมทั้งประชาชนที่มาในช่วงเช้ามืดจะได้รับการบริการอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนการจัดงานรวมพลังแห่งความภักดีในวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2559 เวลา 8.00 น. พร้อมกันทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะจัดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวนำปฏิญาณตนเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยจะมีตัวแทนคณะผู้บริหารจากส่วนราชการต่าง ๆ ข้าราชการ พร้อมภาคเอกชนเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ ยังจะมีการเพิ่มพื้นที่จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นที่สนามหลวง ซึ่งประชาชนที่มาเข้าคิวถวายสักการะพระบรมศพฯ และข้าราชการพร้อมทุกภาคส่วนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวจะได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยกิจกรรมจะเริ่มด้วยการร้องเพลงชาติไทยและตามด้วยการกล่าวปฏิญาณตนและจบด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีตามลำดับ
ตอนท้ายของการแถลงข่าว รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำชับได้ให้หน่วยราชการต่าง ๆ และ ควรจัดข้าราชการเพื่อเป็นเวรเฝ้าไม่เกิน 100 คน ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งจะมีวิธีการบริหารจัดการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ด้วยการมีบัตรแสดงตนทุกครั้ง และมีการกำหนดจุดเข้าออกชัดเจน ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงต่อไป ตลอดจนในส่วนระบบคิวออนไลน์เพื่อให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ นั้นระบบได้ทำเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว และพร้อมทดลองจริง โดยกำหนดการเปิดระบบฯ ดังกล่าว จะแจ้งให้ทราบเร็ว ๆ นี้
***************************
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th