วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2559) เวลา 9.45 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมพื้นที่แก้มลิงเพิ่มรายได้ในพื้นที่เกษตรทุ่งรังสิต องค์การบริหารส่วนตำบลบึ่งชำอ้อ ต.บึ่งชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ตัวอย่างของการน้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ปลัดจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบึงชำอ้อ ให้การต้อนรับ พร้อมนำเยี่ยมชมท่ามกลาง ประชาชนที่มารอต้อนรับประมาณ 300 คน
นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวรายงานว่า เนื่องจากปี 2554 ได้เกิดมหาอุทกภัยขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมาณฑล ส่งผลให้ประเทศเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล แต่มีพื้นที่แก้มลิงเกษตรทุ่งรังสิต ต.บึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เท่านั้น ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยในครั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ในชุมชนดังกล่าว ได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา นำเงินบริจาคที่ได้รับ ให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร แก้ปัญหาอุทกภัย ทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการดำเนินการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นแก้มลิงเพิ่มรายได้ในพื้นที่เกษตรทุ่งรังสิต เป็นพื้นที่หน่วงน้ำก่อนเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และยังช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมาก รวมทั้งแก้ปัญหาการทำการเกษตรดินเปรี้ยว และการขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูกให้กับคนในชุมชน จึงทำให้สังคมชุมชนในพื้นที่ได้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้หลักให้กับเกษตรกรจากผลผลิตน้ำมันปาล์มมากถึงปีละหลายหมื่นบาทต่อไร่ต่อปี รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคมของคนในชุมชน โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำพืชผักสวนครัวที่ปลอดสารพิษมาปลูกในบริเวณร่องสวนป่าและริมคลอง เพื่อการบริโภคและการแลกเปลี่ยนกันภายในชุมชน รวมไปถึงการจำหน่ายในส่วนที่เหลือเพื่อเป็นรายได้เสริมอีกด้วย
การดำเนินงานดังกล่าวนั้น ส่งผลสำเร็จทำให้น้ำเปลี่ยนชีวิตของคนในชุมชน เกิดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม และมีการพัฒนาอย่างเป็นประชารัฐ สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร คนในชุมชนอยู่ดีกินดี ที่สำคัญพื้นที่แก้มลิงทุ่งรังสิต ถือเป็นตัวอย่างของการพัฒนาประเทศตามไทยแลนด์ 4.0 ที่จะนำพาประเทศก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ได้อย่างแท้จริง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายในตอนหนึ่งว่า เนื่องจากปัจจุบันทุกประเทศทั่วโลกกำลังประสบปัญหามากมาย ทั้งในเรื่องของการก่อการร้าย การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการสร้างเศรษฐกิจเดียวการค้าขายในตลาดโลก รัฐบาลจึงมีความต้องการที่จะสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ก็เป็นผลกระทบอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาภายในด้วย ทั้งนี้ขอชื่นชมการดำเนินงานภายในประเทศที่มีแน้วโน้มเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะต้องดำเนินการให้มากขึ้นต่อไป พร้อมกับทำความดีเพิ่มมากขึ้นอีกเพื่อมอบเป็นพระราชกุศลให้แด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายความจงรักความภักดีแด่พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ต่อไปด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับการค้าขายสินคัทางการเกษตรนั้น จะต้องเข้าใจถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกด้วย แม้ว่าจำทำให้คุณภาพสินค้าและปริมาณสินค้าการผลิตสูงขึ้นแล้ว แต่ผลกำไรที่ได้จากการค้าขายนั้นก็ยังคงเป็นเช่นเดิม :เป็นเพราะการแข่งขันทางการค้าในระดับนานาชาติมีอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลก็มีมุ่งมั่นเดินหน้าจัดการแก้ปัญหาของกลุ่มเกษตรกรอย่างชัดเจน สร้างเครือข่ายเป็นประชารัฐ เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างมูลค่าให้กับสินค้าใหม่ที่จะสามารถแข่งขันควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิต ร่วมกับจัดกลุ่มกันเพื่อรวมเป็นเกษตรแปลงใหญ่ ที่จะเชื่อมโยงการพัฒนาจากต้นไปสู่ปลาย ต่อยอดสร้างความเข้มแข็งให้กับสินค้าเพื่อไปสู่การแข่งขันในตลาดโลก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รัฐบาลยังความต้องการให้เกษตรกรสามารถดำเนินการจัดระบบการบริหารจัดการน้ำได้ด้วยตัวเองโดยทำกันอย่างมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งของการทำเกษตรกรรม รวมไปถึงการลดต้นทุนการผลิตเพื่อความได้เปรียบทางการค้าขาย และที่สำคัญคือเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างมั่นคงและยังยืน ควรที่จะมีการดำเนินการกันอย่างเป็นประชารัฐ มีบริษัทประชารัฐเป็นช่องทางศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าของเกษตรกร รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งโดยการจัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์ แบะสร้างการรับรู้ที่เข้าใจอย่างถูกต้อง จะต้องเสียสละพื้นที่ส่วนตัวเพื่อการพัฒนาให้ส่วนรวม ไม่สร้างความขัดแย้งกับรัฐบาล สร้างความเข้าใจให้ประชาชนเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขและพัฒนาพื้นที่การทำเกษตรกรอย่างมั่นคง ที่มีความจำเป็น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ฝากพี่น้องประชาชน ควรนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อเข้าถึง ศูนย์ความรู้และการดำเนินการต่างๆของรัฐบาล ได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้อง พร้อมทั้งขอให้เกษตรตะกอนน้อมนำหลักการทำเกษตรตามแนวทางพระราชดำหลหหรัช ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ที่พระองค์ท่านได้ทรงริเริ่มหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้แก่ ประชาชนชาวไทย ซึ่งจะเป็นศาสตร์ของพระราชาที่จะนำประเทศชาติก้าวไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืน ต่อไป
----------------------------------------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th