วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2544
วันนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. ณ.ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายไมลส์ คูปา (Mr. Miles Cupa) เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี ภายหลังกล่าวต้อนรับ ได้มีการสนทนาสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างออสเตรเลียและไทยทั้งในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลและระดับประชาชนทั่วไป ซึ่งทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาความร่วมมือกันในระดับที่กว้างมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เนื่องจากรัฐบาลมีความประสงค์ที่จะดำเนินนโยบายให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว จึงได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงเชิงปฏิบัติการนโยบายเร่งด่วนของรัฐทุกสัปดาห์ อาทิ การปราบปรามยาเสพติด นโยบายการรักษาโรค 30 บาท เพื่อให้บุคลากรทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถรับทราบแนวนโยบายเดียวกันอันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธภาพในการปฏิบัติการ สำหรับนโยบายการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบ Micro Credit Base ก็ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลกด้วย ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของนโยบายดังกล่าวคือ การกระจายเม็ดเงินสู่หน่วยย่อยของสังคมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าผลของนโยบายนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนทางสังคมอีกทางหนึ่งด้วย
เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงแนวความคิดที่จะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย เดินทางไปเยือนออสเตรเลียในกลางปีนี้ เพื่อกระชับความร่วมมือทั้งทางด้านการทูตและการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมยืนยันที่จะให้ความสำคัญต่อความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ประเทศไทย โดยผ่านโครงการ Develop System Program โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรม โดยจะจัดให้เป็นไปตามการร้องขอและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย
ในตอนท้ายของการสนทนา รองนายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับรายงานของบรรษัทประกันและส่งเสริมการส่งออกของออสเตรเลีย (Export Finance and Insurance Corporation, EFIC) ที่ได้ประเมินความเสี่ยงในการส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคของไทยว่ามีอัตราเสี่ยงในระดับ 3 นั้นอาจเป็นการประเมินจากข้อมูลเก่า ซึ่งอาจทำให้เกิดความคาดเคลื่อน ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย รับปากว่าจะได้แจ้งให้ผู้จัดทำรายงานดังกล่าวทราบต่อไป
--สำนักโฆษก--
-สส-
วันนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. ณ.ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายไมลส์ คูปา (Mr. Miles Cupa) เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี ภายหลังกล่าวต้อนรับ ได้มีการสนทนาสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างออสเตรเลียและไทยทั้งในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลและระดับประชาชนทั่วไป ซึ่งทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาความร่วมมือกันในระดับที่กว้างมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เนื่องจากรัฐบาลมีความประสงค์ที่จะดำเนินนโยบายให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว จึงได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงเชิงปฏิบัติการนโยบายเร่งด่วนของรัฐทุกสัปดาห์ อาทิ การปราบปรามยาเสพติด นโยบายการรักษาโรค 30 บาท เพื่อให้บุคลากรทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถรับทราบแนวนโยบายเดียวกันอันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธภาพในการปฏิบัติการ สำหรับนโยบายการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเป็นนโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบ Micro Credit Base ก็ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลกด้วย ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของนโยบายดังกล่าวคือ การกระจายเม็ดเงินสู่หน่วยย่อยของสังคมให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าผลของนโยบายนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนทางสังคมอีกทางหนึ่งด้วย
เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงแนวความคิดที่จะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย เดินทางไปเยือนออสเตรเลียในกลางปีนี้ เพื่อกระชับความร่วมมือทั้งทางด้านการทูตและการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมยืนยันที่จะให้ความสำคัญต่อความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ประเทศไทย โดยผ่านโครงการ Develop System Program โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการศึกษาและการฝึกอบรม โดยจะจัดให้เป็นไปตามการร้องขอและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย
ในตอนท้ายของการสนทนา รองนายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับรายงานของบรรษัทประกันและส่งเสริมการส่งออกของออสเตรเลีย (Export Finance and Insurance Corporation, EFIC) ที่ได้ประเมินความเสี่ยงในการส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคของไทยว่ามีอัตราเสี่ยงในระดับ 3 นั้นอาจเป็นการประเมินจากข้อมูลเก่า ซึ่งอาจทำให้เกิดความคาดเคลื่อน ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย รับปากว่าจะได้แจ้งให้ผู้จัดทำรายงานดังกล่าวทราบต่อไป
--สำนักโฆษก--
-สส-