วันนี้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายโรเบริ์ต กาเบรียล มูกาเบ (Robert Gabriel Mugabe) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐซิมบับเว พร้อมด้วยภริยา และคณะ ได้หารือข้อราชการกับพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 17.45 น.
ในโอกาสที่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐซิมบับเวและคณะได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2544 จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือเต็มคณะ ณ ห้องสีเขียว โดยมีบุคคลสำคัญระดับสูงเข้าร่วมหารือเต็มคณะ อาทิรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและข้าราชการระดับสูง
การหารือในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หยิบยกประเด็นการขยายความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งประธานาธิบดีฯได้กล่าวถึงช่องทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยและซิมบับเว โดยกล่าวว่า ประเทศซิมบับเวมีทรัพยากรสำคัญ ๆ เช่น ยาสูบ ทองคำ ฝ้าย สิ่งทอ สินแร่โลหะ เพชรพลอย นิเกิล เป็นต้น นอกจากนี้ ซิมบับเวยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน
ประธานาธิบดีฯ กล่าวด้วยว่าซิมบับเวกำลังดำเนินการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ อาทิ การดำเนินธุรกิจของธนาคาร ซึ่งมีธนาคารจากต่างประเทศหลายแห่งเข้ามาลงทุนในซิมบับเว โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการได้รับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากประเทศไทยในเรื่องการสร้างถนนด้วย ในการนี้ จึงเชิญชวนนักธุรกิจจากประเทศไทยเข้าไปลงทุนในซิมบับเว และในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า ซิมบับเวจะส่งคณะผู้แทนทางการค้ามาไทยเพื่อหารือในรายละเอียดด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยและซิมบับเวสามารถขยายช่องทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้หลายด้าน อาทิ การซื้อสินค้าประเภทรถบรรทุกขนาด 1 ตันจากไทย ขณะที่ไทยก็สนใจสินค้าประเภทเพชรพลอย เส้นด้ายในการผลิตสิ่งทอ จากซิมบับเว เป็นต้น ทั้งนี้ อาจดำเนินการค้าในรูป Account Trade และยังเห็นว่าทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน
โอกาสเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เสนอการสนับสนุนทางเทคนิคในด้านสาธารณสุข การเกษตร และความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งประธานาธิบดีได้กล่าวแสดงความสนใจในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะโครงการบัตรสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรคของกระทรวงสาธาณสุขที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมการต่อสู้เพื่อเอกราชของประธานาธิบดีซิมบับเว พร้อมกับกล่าวยินดีที่รัฐบาลซิมบับเวจะส่งคณะผู้แทนทางการค้ามาไทยในเร็ว ๆ นี้ด้วย
ภายหลังการหารือเต็มคณะเสร็จสิ้นลง นายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐซิมบับเวและภริยา ณ ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-
ในโอกาสที่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐซิมบับเวและคณะได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2544 จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือเต็มคณะ ณ ห้องสีเขียว โดยมีบุคคลสำคัญระดับสูงเข้าร่วมหารือเต็มคณะ อาทิรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและข้าราชการระดับสูง
การหารือในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หยิบยกประเด็นการขยายความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งประธานาธิบดีฯได้กล่าวถึงช่องทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยและซิมบับเว โดยกล่าวว่า ประเทศซิมบับเวมีทรัพยากรสำคัญ ๆ เช่น ยาสูบ ทองคำ ฝ้าย สิ่งทอ สินแร่โลหะ เพชรพลอย นิเกิล เป็นต้น นอกจากนี้ ซิมบับเวยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน
ประธานาธิบดีฯ กล่าวด้วยว่าซิมบับเวกำลังดำเนินการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ อาทิ การดำเนินธุรกิจของธนาคาร ซึ่งมีธนาคารจากต่างประเทศหลายแห่งเข้ามาลงทุนในซิมบับเว โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการได้รับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากประเทศไทยในเรื่องการสร้างถนนด้วย ในการนี้ จึงเชิญชวนนักธุรกิจจากประเทศไทยเข้าไปลงทุนในซิมบับเว และในอีกสองสามสัปดาห์ข้างหน้า ซิมบับเวจะส่งคณะผู้แทนทางการค้ามาไทยเพื่อหารือในรายละเอียดด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยและซิมบับเวสามารถขยายช่องทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้หลายด้าน อาทิ การซื้อสินค้าประเภทรถบรรทุกขนาด 1 ตันจากไทย ขณะที่ไทยก็สนใจสินค้าประเภทเพชรพลอย เส้นด้ายในการผลิตสิ่งทอ จากซิมบับเว เป็นต้น ทั้งนี้ อาจดำเนินการค้าในรูป Account Trade และยังเห็นว่าทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน
โอกาสเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เสนอการสนับสนุนทางเทคนิคในด้านสาธารณสุข การเกษตร และความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งประธานาธิบดีได้กล่าวแสดงความสนใจในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะโครงการบัตรสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรคของกระทรวงสาธาณสุขที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมการต่อสู้เพื่อเอกราชของประธานาธิบดีซิมบับเว พร้อมกับกล่าวยินดีที่รัฐบาลซิมบับเวจะส่งคณะผู้แทนทางการค้ามาไทยในเร็ว ๆ นี้ด้วย
ภายหลังการหารือเต็มคณะเสร็จสิ้นลง นายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐซิมบับเวและภริยา ณ ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-