วันนี้ (23 ธันวาคม 2559) เวลา 15.30 น. ณ บริเวณวัดภูมินทร์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการกราบนมัสการพระพุทธมหาพรหมอุดมสักยมุนี พระประธานจตุรพักตร์ในวิหารหลวง ถึงภาพรวมลงพื้นที่ตรวจติดตามผลสัมฤทธิ์การบูรณาความร่วมมือของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดน่าน และการพบหารือกับภาคประชาสังคม และผู้นำชุมชนท้องถิ่นจังหวัดน่านเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเมืองน่านในมิติต่าง ๆ อย่างยั่งยืนว่า
รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งน้ำใจของคนจังหวัดน่านทุกคน ทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ ๆ ของจังหวัดน่านคือเรื่องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจะต้องไปดูว่าจะดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ได้อย่างไร เพื่อให้เกิดความสมดุลกับการพัฒนา แต่ทั้งหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงข้อกฎหมายเป็นหลัก โดยจะต้องปรับแก้วิธีใช้กฎหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และทรัพยากรธรรมชาติ คือประชาชนจะต้องมีที่อยู่ที่ทำกินอย่างพอเพียง และจะต้องมีความสมดุลกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
สำหรับปัญหาการบุกรุกป่าของจังหวัดน่าน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จำเป็นต้องคืนผืนป่าให้กับธรรมชาติ เพราะจังหวัดน่านเป็นต้นทางของแม่น้ำเจ้าพระยา จึงจะต้องมีการเร่งรัดพัฒนาคืนผืนป่าจังหวัดน่านให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันจะต้องคำนึงถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้วย ซึ่งต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยกัน คนกับป่าต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ภายใต้กฎหมายที่จะต้องพิจารณาดำเนินการบังคับใช้อย่างสมดุล รัฐบาลจะใช้กฎหมายแก้ไขปัญหาอย่างเดียวไม่ได้ จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนและกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมาย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากเรื่องของป่าแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องน้ำ ถ้ามีการบริหารจัดการป่าที่ดีก็จะเกิดเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการน้ำไปสู่การใช้อุปโภค บริโภค รวมถึงต่อการทำการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมให้ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลรักษาป่า เพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำทางธรรมชาติ
ส่วนปัญหาเรื่องเกษตรกร รัฐบาลจะต้องดูแลเกษตรกรให้มีรายได้สูงขึ้นอย่างพอเพียง ซึ่งเกษตรกรจะต้องดูความต้องการของตลาดเป็นหลักในการผลิตสินค้าเกษตร รวมไปถึงการกำหนดชนิดของการปลูกพืช และจำนวนการผลิต รวมถึงการพัฒนาสินค้าเกษตร ต้องเปลี่ยนเป็นการทำเกษตรสมัยใหม่ ทำเกษตรผสมผสาน นำเทคโนโลยีมาช่วย โดยประชาชนต้องศึกษาหาข้อมูลจากแอฟฟิเคชั่นของรัฐบาล ซึ่งจะมีข้อมูล และแนวทางให้ประชาชนได้รับรู้ถึงความต้องการ แนวโน้มของตลาด เกษตรกรจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด การปลูกพืชต้องปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ และทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันในรูปแบบของประชาชนรัฐ ใช้รูปแบบประชารัฐให้มีความเข้มแข็ง สามารถแก้ไขปัญหา และพึงพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th