นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เผย น้อมนำแนวทางการแก้ปัญหาทั้งหมดที่รัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้มาเป็นแนวทางแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน และให้เป็นไปตามกระแสรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงห่วงใยประชาชน พร้อมกำชับทุกฝ่ายแก้ปัญหาอุทกภัยภาคใต้แบบบูรณาการ วันนี้ (25 ม.ค.60) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้เริ่มจะคลี่คลายในบางจังหวัด ขณะที่บางจังหวัดยังคงสภาพอุทกภัยอยู่ อย่างไรก็ตามยังคงต้องระมัดระวังในเรื่องของสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ต้องติดตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยขั้นตอนการดำเนินงานแก้ปัญหาอุทกภัยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระดับ 3 ที่กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะต้องมีการกำกับดูแลอำนวยการโดยคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ วันนี้ที่ประชุมจึงได้มาร้อยเรียงทั้งหมดเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น เป็นการริเริ่มในการปรับปรุงเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติใหม่ทั้งหมด ทั้งในเรื่องการจัดทำโครงสร้างการทำงานให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันให้ได้ มีความรับผิดชอบชัดเจน มีเอกภาพจากรัฐบาลเข้าไปที่กระทรวงมหาดไทย ต่อไปที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่วนหน้า แล้วลงไปที่การทำงานระดับพื้นที่ 12 จังหวัด ซึ่งจะทำให้แนวทางการบริหารเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติหรือสถานการณ์ที่มีความร้ายแรงจะเกิดความชัดเจนขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาระดับพื้นที่ บรรเทาความเดือดร้อนในทุกส่วน รวบรวมความต้องการต่าง ๆ ขึ้นมา เป็นแม่งานใหญ่ในจังหวัดของตัวเองและในกลุ่มจังหวัดของส่วนหน้า และในส่วนของการบูรณาการข้ามกระทรวงข้ามหน่วยงาน จะมีการบูรณาการหน่วยงานทุกกระทรวงที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดทั้งหมด โดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ดูแลการบูรณาการทั้งระบบ ทั้งการแก้ปัญหาระยะสั้น การแก้ปัญหาในเรื่องการฟื้นฟูในปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการป้องกันเตรียมการในช่วงแรก แล้วเมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ต้องช่วยเหลือระหว่างที่เกิดเหตุ บรรเทาความเดือดร้อนให้คนมีที่อยู่อาศัย มีอาหารการกิน ให้สามารถอยู่ได้ และหลังเกิดเหตุก็ต้องมีการฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้กำลังมีการฟื้นฟูเตรียมการซ่อมบ้าน โดยกระทรวงกลาโหม ได้ให้ทหารช่างนำเครื่องไม้เครื่องมือลงไปในหลายพื้นที่แล้ว ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ก็ได้จัดชุดลงพื้นที่เพื่อไปซ่อมสร้างต่าง ๆ แล้ว
“ทั้งหมดจะต้องร้อยเรียงกัน ตั้งแต่แผนงานระยะสั้น ระยะปัจจุบัน และแผนงานระยะยาวที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ 1. ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามากซึ่งเป็นเรื่องที่เราห้ามไม่ได้ 2. น้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา ที่จะต้องไปฟื้นฟูป่าไม้บนภูเขา ซึ่งเป็นภาพใหญ่ที่ต้องทำ แต่จะทำได้แค่ไหนอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับเวลาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหน้าด้วย เพราะแนวภูเขามีความยาว เมื่อฝนตกน้ำก็ไหลลงข้างล่าง ต่ำลงไปทะเล แล้วผ่านทุกเมือง ทำให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ราบได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด จะแก้ปัญหาด้วยการย้ายเมืองหรือย้ายภูเขาก็ไม่ได้ จึงต้องหาแนวทางลดน้ำที่อยู่ในภูเขาให้ได้ เช่น การหาเส้นทางเบี่ยงเบนน้ำ พัฒนาป่าเขาข้างบนเพื่อให้ซับน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ เพราะที่ผ่านมามีการทำลายธรรมชาติมากเกินไป ทำให้การซึมซับน้ำบนภูเขาทำได้น้อย น้ำจึงไหลบ่าลงมาข้างล่าง พร้อมกับมีการทำพนังกันน้ำในพื้นที่ที่เป็นหัวใจสำคัญ เช่น โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ภาคธุรกิจสำคัญ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาทั้งการทำพนังกั้นน้ำ การทำฟลัดเวย์เพื่อเลี่ยงน้ำออกจากพื้นที่ โดยขณะนี้แผนงานที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วคือการขุดคลองระบายน้ำขึ้นใหม่ ซึ่งได้ผ่านการศึกษาผ่านการประชาพิจารณ์แล้ว เพื่อจะได้ช่วยระบายน้ำในตอนล่างได้เพิ่มขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องทำคือเรื่องการผังเมือง หากไม่เกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จะไม่ค่อยมีคนสนใจกฎหมาย วันนี้มีคนเดือดร้อน ซึ่งจะต้องหาแนวทางช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และจะต้องแก้ปัญหาระยะยาวด้วย เพราะฉะนั้นผู้ใดที่อยู่ในพื้นที่ผิดกฎหมายก็จะไม่สามารถอยู่ได้ เพราะหากมีคนไปอยู่แล้วสร้างบ้าน ซ่อมบ้านตรงนั้นในที่เดิม จะเป็นปัญหา การใช้จ่ายงบประมาณจะไม่สามารถทำได้ ซึ่งรัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ เพราะบางคนก็ไปทำสวนปาล์ม สวนเกษตรต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้อง การแก้ปัญหาของประเทศจึงทับซ้อนกันอยู่แบบนี้ โดยจะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ ที่ประชุมวันนี้จึงได้มีการหารือเรื่องผังเมือง แนวทางการบังคับใช้การก่อสร้างอาคาร เพราะเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขทั้งหมด ซึ่งการแก้ไขปัญหาของประเทศไทยที่ทับซ้อนกันอยู่แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักแต่จะทำให้ดีที่สุด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้นำแนวทางที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงห่วงใยมาสู่การปฏิบัติทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริไว้แล้ว ซึ่งมีหลายโครงการที่อยู่ที่กระทรวงเกษตรฯ กรมชลประทาน โดยจะมีการนำแผนต่าง ๆ ในส่วนที่ยังไม่ได้ทำขึ้นมาทำ หรือแผนที่ทำแล้วแต่ยังไม่เสร็จสิ้นก็จะทำให้เสร็จให้ได้ อาจจะมีปัญหาเรื่องงบประมาณและเวลา แต่รัฐบาลก็จะทำต่อไป เพราะเหล่านี้เป็นความจำเป็นของยุทธศาสตร์ชาติที่จะต้องทำต่อในอนาคตด้วย คงทำวันนี้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะเงินและเวลามีไม่พอ จึงขอฝากให้เข้าใจด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นว่า งานทุกงานของรัฐบาล และทุกกระทรวง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติเท่านั้น จะต้องมีแผนหลัก แผนรอง แผนเผชิญเหตุ ทั้งหมดเป็นหลักการอยู่ในยุทธศาสตร์ของการพัฒนาระบบบริหารราชการแผ่นดิน ที่จะต้องร้อยเรียงกันให้ได้ มิฉะนั้นทุกงานจะทำงานตามฟังก์ชั่นทั้งหมดแล้วจะตอบคำถามภาพรวมไม่ได้ วันหน้าก็ต้องมาบูรณาการกัน งบแก้ปัญหาน้ำท่วม งบต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหลายกระทรวงจะต้องมาทำร่วมกันในแผนงานเดียวกัน จึงขอให้ช่วยกัน อย่าต่อต้านรัฐบาลในเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นความหวังดีเจตนาดี หากพบความไม่โปร่งใสก็ขอให้ร้องเรียนเข้ามา โดยนายกรัฐมนตรีจะตรวจสอบให้ทั้งหมด รัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด การใช้จ่ายงบประมาณจะต้องโปร่งใสทั้งในส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น ภูมิภาค
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การแก้ปัญหาเวลานี้ยังคงใช้งบประมาณปกติที่มาจากหน่วยงานราชการ และเงินบริจาคของประชาชน ซึ่งจะใช้ให้คุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ และจะน้อมนำแนวทางการแก้ปัญหาทั้งหมดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้มาเป็นแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และให้เป็นไปตามกระแสรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงห่วงใยประชาชนและทรงกำชับทุกเรื่อง ซึ่งในขณะนี้ทรงโปรดฯ ให้หน่วยงานช่วยเหลือจากหน่วยงานในพระองค์ และในส่วนขององคมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด ซึ่งหน่วยงานก็ได้มีการหารือกับรัฐบาลเพื่อช่วยกันนำความห่วงใยและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านไปสู่ประชาชนด้วย
----------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th