วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2560) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงานสรุปผลการปฏิบัติงาน ประจำปี 2559 และแถลงแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2560 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รับทราบผลการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รวมทั้งรับฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อยึดถือเป็นกรอบและแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร คณะที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก รองผู้บัญชาการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (1 – 2) รองเลขาธิการ กอ.รมน. (1 – 3) ผอ.รมน.ภาค และหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ผู้ว่าราชการจังหวัด 77 จังหวัดเข้าร่วมรับฟัง
ภายหลังการรับฟังสรุปผลการปฏิบัติงาน ฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณ พร้อมแสดงความชื่นชมและพึงพอใจต่อผลการดำเนินานของ กอ.รมน. ว่า ที่ผ่านมาทุกคนได้ทำงานอย่างบูรณาการตามแผนที่กำหนดไว้ทั้งเรื่องการข่าว การแก้ไขปัญหายาเสพติด การค้าแรงงานต่างด้าว การเฝ้าระวังอาชญากรรมข้ามชาติ และการเฝ้าระวังการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ การรักษาความมั่นคงภายในประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในภาคใต้ดีขึ้นตามลำดับในรอบ 12 ปี
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า การทำงานในระยะต่อไปเป็นการทำงานที่เข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ต้องทำงานในเชิงรุกมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน ต้องช่วยกันสร้างการรับรู้ให้ทุก ๆ คน ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งต้องมีการวางแผนการทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนนำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืน ที่สำคัญจะต้องระวังการทำงานไม่ให้เกิดความทับซ้อนกับการทำงานตามปกติที่มีอยู่แล้ว และตรวจสอบให้ชัดเจนในแต่ละภารกิจ เพื่อลดความซ้ำซ้อน
สำหรับงานด้านมวลชน ขอให้ กอ.รมน ดำเนินการโดยเน้นการสร้างความเข้าใจ พร้อมอบรม ให้ความรู้แก่มวลชน ให้สามารถทำงานเป็นกลไกคอยสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ อย่าให้มวลชนไปกดดันประชาชนในพื้นที่ พร้อมให้มีการปรับฐานข้อมูลของมวลชนอย่างต่อเนื่อง เน้นมวลชนที่มีคุณภาพสามารถร่วมทำงานได้ เพื่อเสริมสร้างการทำงานของรัฐ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเครื่องมือในการทำลายประเทศ รวมทั้งต้องสร้างจิตสำนึก และอุดมการณ์ให้เกิดความรักชาติก่อให้เกิดความร่วมมือ พร้อมทั้งเครือข่ายในการเฝ้าระวัง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องสร้างไว้วางใจระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ได้ เพื่อลดความหวาดระแวง และสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคม
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาภาคใต้ ต้องทำงานอย่างบูรณาการของหน่วยงานในพื้นที่ อย่างสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านความมั่นคง งานพัฒนา และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจ พัฒนาอย่างยั่งยืนนำไปสู่สันติสุข ขอให้ กอ.รมน.นำนโยบายของรัฐบาล และ นโยบายของ คสช. เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน หากติดขัดปัญหาหรือข้อกฎหมายด้านไหนขอให้รายงานให้รัฐบาล และ คสช.ทราบเพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา ลดความขัดแย้ง เดินหน้าแก้ไขปัญหาในภาคใต้ต่อไปได้
ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาด้านสาธารณภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้นำข้อมูลพื้นที่ประสบภัยที่มีอยู่แล้วมาใช้ในการวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งแผนหลัก แผนรอง และแผนเผชิญเหตุ เน้นการลดความเสียหายและผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาอาจจะไม่สามารถดำเนินแก้ไขได้ในระยะสั้น แต่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เน้นย้ำให้มีการป้องกันก่อนจะมาแก้ไขปัญหา
สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ปรับโครงสร้างการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำงานในเชิงรุก สามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และ กอร.มน จังหวัดมีอำนาจในการดำเนินการ เพื่อให้การทำงานแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์มากขึ้น และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าใจในบทบาทของตัวเอง เข้าใจในกระบวนการทำงาน จะต้องกำหนดแผนให้สอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่ รวมถึงสอดคล้องกับงบประมาณในการดำเนินการ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายการทำงานว่า เน้นสร้างความปรองดอง และสร้างความเข้าใจกับประชาชน พร้อมกับให้จัดทำข้อมูล รวมถึงสถิติแต่ละกิจกรรมที่มีปัญหาในแต่พื้นที่ แล้วนำข้อมูลมาสู่การปฏิบัติแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมโยงในการทำงาน พร้อมกับเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องรักษาความลับของทางราชการ อย่านำข้อมูลที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่ได้ข้อสรุปไปเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อป้องกันการคาดเคลื่อน และความเข้าใจผิด ในส่วนของการทำงานต้องทำงานในเชิงรุก รู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะ รวมถึงจะต้องไม่สร้างความขัดแย้งเกิดขึ้นมาใหม่ สำหรับความขัดแย้งที่มีอยู่แล้วต้องพยายามทำให้ลดลง และต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ยึดถือประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง พร้อมกับขอให้ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรีนำประเทศเดินหน้าก้าวผ่านวิกฤตให้ได้
ที่มา: http://www.thaigov.go.th