วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2560) เวลา 15.35 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีการคัดค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ว่า ได้ดำเนินการไปแล้วตามขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมามีการชะลอเรื่องของการทำรายงานวิเคราะห์ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แต่วันนี้ไม่ต้องชะลอ โดยมอบหมายให้ไปศึกษา และทำความเข้าใจใหม่ พร้อมกับทำ EIA ใหม่ ถ้า EIA ทำไม่ได้ ก็ไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ รวมถึงให้ทำรายงานผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงการดำเนินโครงการ หรือ EHIA เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยรัฐบาลได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับสูงเข้ามาดูแลนโยบายและยุทธศาสตร์ในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ จึงขออย่าให้วิตกกังวลกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างจะผ่านคณะกรรมการไตรภาคีที่จะเข้ามาพิจารณาร่วมกัน และคาดว่าหากสามารถดำเนินการต่อไปได้จะสามารถใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินได้ในปี พ.ศ.2565 แต่ถ้าหากการดำเนินการล่าช้าออกไปการเปิดใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินก็ล่าช้าตามไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ตามไปด้วย
ส่วนการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ จังหวัดชุมพรนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดทำรายงานวิเคราะห์ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ EIA รวมถึงรายงานผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงการดำเนินโครงการ หรือ EHIA ถ้าผลการทำ EIA และ EHIA ผ่านความเห็นชอบของประชาชนในพื้นที่ก็สามารถดำเนินการต่อไป แต่ถ้าไม่ผ่านก็ไม่สามารถดำเนินได้
สำหรับกรณีกลุ่มผู้คัดค้านการก่อสร้างจะเดินทางมาประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งจะบังคับใช้กฎหมายเท่าที่มีความจำเป็น เพราะประชาชนที่มาร่วมประท้วงยังมียังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการดำเนินการ รัฐบาลจึงไม่ต้องการจะดำเนินการตามกฎหมาย โดยเลือกที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการแก้ไขปัญหา เพราะต้องการให้เกิดความสงบในประเทศ ขออย่าให้เกิดการปลุกระดมจนเกิดความไม่สงบ แต่หากจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด กับกลุ่มบุคคลที่ยุยงปลุกระดมให้เกิดความไม่สงบขึ้นในประเทศ รัฐบาลพร้อมบังคับใช้อำนาจตามมาตรา 44 อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่ว่าจะใช้กฎหมายมาตราไหน ถ้าประชาชนไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th