วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2560) เวลา 09.00 น. คณะผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ทั้งสองฝ่ายหารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น ซึ่งปี 2559 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.2 และในปีนี้ (2560) คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3 - 4 และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างหลายมิติ อาทิ ศักยภาพทางการผลิต การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คุณภาพการศึกษา และความเหลื่อมล้ำทางรายได้และโอกาส จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยก้าวข้ามความท้าทายเหล่านั้น ทั้งนี้ การปฏิรูปจะต้องมีความครอบคลุมและส่งเสริมพัฒนาจากภายใน โดยปัจจุบัน ไทยกำลังเร่งผลักดันเศรษฐกิจรากหญ้า โดยเฉพาะภาคการเกษตร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ด้วยการบูรณาการกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กระจายรายได้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ขณะเดียวกัน ยังส่งสเริมการลงทุนจากต่างประเทศ ควบคู่กับการสร้างแรงจูงใจให้เอกชนลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ตลอดจนมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมสำหรับอนาคต หรือ อุตสาหกรรม S-Curve ด้านผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเห็นพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยมาโดยตลอด และเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การปฏิรูปงบประมาณ ถือเป็นสิ่งสำคัญและควรเร่งดำเนินการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาภายในประเทศ นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูปไปสู่ Thailand 4.0 ซึ่งเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนยกระดับประเทศไทยให้มีรายได้สูง ขณะเดียวกัน สิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนา คือ บุคลากร ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับการปฏริปการศึกษาและพัฒนาทักษะที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน รวมทั้งพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศูนย์การวิจัยและพัฒนาต่างๆ ทั้งนี้ ไทยยินดีที่จะทำงานร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กระหว่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกันปฏิรูปประเทศไทย ด้านผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อสนับสนุน ตลอดจนร่วมกันพัฒนาด้านต่างๆ ของประเทศไทย โดยผ่านรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐของไทย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th