วันนี้ (13 มี.ค. 60) เวลา 09.00 น. นายซาอิด บิน ซาเละห์ อัล คิยูมี (H.E. Mr. Said bin Saleh Al Kiyumi) ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมรัฐสุลต่านโอมาน และคณะนักธุรกิจชั้นนำของโอมาน เข้าเยี่ยมคารวะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องบัวแก้ว กระทรวงการต่างประเทศ สรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณประธานสภาหอการค้าฯ ที่นำคณะนักธุรกิจมาเยือนประเทศไทย พร้อมกล่าวว่าการลงทุนในประเทศไทยช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่ดีมาก เนื่องจากสถานการณ์การเมืองไทยมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจไทยก็เติบโตตามลำดับ โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้ GDP ของประเทศไทยจะเติบโตได้ถึง 4%
ประธานสภาหอการค้าฯ กล่าวว่าการเยือนไทยในครั้งนี้สืบเนื่องจากการเยือนโอมานของรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว ประธานสภาหอการค้าฯ ได้เคยรับปากที่จะนำคณะนักธุรกิจชั้นนำจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของโอมานเยือนไทยเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และกระชับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ
ในการนี้รองนายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้คณะนักธุรกิจโอมานทราบเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาลไทย อาทิ Thailand 4.0 การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษ Super Clusters อีกทั้งไทยยังเป็นประตูสู่ประชาคมอาเซียนและภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประธานสภาหอการค้าฯ กล่าวว่าขณะนี้โอมานต้องการกระจายการลงทุนไปยังสาขาอื่นๆ นอกเหนือจากด้านพลังงาน และเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในหลายด้าน อาทิ สาธารณสุข การแปรรูปอาหาร โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งปีที่ผ่านมามีชาวโอมานเดินทางมาตรวจสุขภาพ และเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ไทยกว่าแสนราย
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปัจจุบันนักธุรกิจไทยต้องการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ซึ่งโอมานเป็นประเทศที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ โดยเป็นจุดเชื่อมต่อตะวันออกกลางและแอฟริกา อย่างไรก็ตามนักธุรกิจไทยยังขาดข้อมูลด้านการลงทุนในโอมาน จึงอยากให้ประธานสภาหอการค้าฯ สนับสนุนด้านข้อมูลแก่นักธุรกิจไทยให้มากขึ้น
ก่อนจบการสนทนาประธานสภาหอการค้าฯ แสดงความประสงค์ที่จะจัดการจับคู่ภาคธุรกิจระหว่างไทยและโอมาน ในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ เช่น ปิโตรเคมี เกษตร อาหาร เป็นต้น และขอให้รองนายกรัฐมนตรีนำคณะนักธุรกิจไทยไปเยือนโอมานอีกครั้งหนึ่ง เพื่อผลักดันความร่วมมือให้เป็นรูปธรรม
************
ที่มา: http://www.thaigov.go.th