รัฐบาลปลื้มไทยติดอันดับประเทศมีความสุขเชิงเศรษฐกิจที่สุดในโลก 3 ปีซ้อน ชี้ต่างชาติมองมีพัฒนาการดีขึ้นหลายเรื่อง ย้ำเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง เร่งกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคปี 60

ข่าวทั่วไป Tuesday March 7, 2017 15:19 —สำนักโฆษก

พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เผยแพร่ดัชนีความทุกข์ยาก (Misery Index) ประจำปี 2560

วันนี้ (7 มีนาคม 2560) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เผยแพร่ดัชนีความทุกข์ยาก (Misery Index) ประจำปี 2560 ว่า ประเทศไทยมีระดับความทุกข์ยากต่ำที่สุดในโลก หรือมีความสุขที่สุดนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบข้อมูลแล้ว โดยรู้สึกพอใจและชื่นชมหน่วยงานของรัฐที่สามารถรักษาระดับอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อได้ดีเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน

“ท่านนายกฯ กล่าวว่า ในสายตาของต่างประเทศ ไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหลายด้าน เช่น การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี การแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ ทั้งเรื่องไอยูยู ไอเคโอ หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ และเศรษฐกิจยังมีลู่ทางที่แจ่มใสท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจโลก ซึ่งหลายประเทศมีสภาพที่แย่กว่าเรา โดยปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.2 จากการใช้จ่ายของภาครัฐ การลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง การบริโภคภาคเอกชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย”

พลโท สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ในปี 2560 รัฐบาลจะรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเร่งรัดการลงทุนตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งลดข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า เช่น ปรับกลยุทธ์การส่งออก แก้ไขปัญหาปากท้อง รวมถึงปรับแนวทางการพึ่งพาแรงงานต่างด้าว เนื่องจากอัตราการเกิดของคนไทยอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้แรงงานขาดแคลน โดยได้ออกมาตรการจูงใจให้คนรุ่นใหม่มีบุตร 1-2 คน และผลิตแรงงานภายในประเทศให้เพียงกับความต้องการของตลาด

“การท่องเที่ยวยังเป็นจุดแข็งของไทย โดยปีนี้รัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นที่จำนวนนักท่องเที่ยว แต่เน้นที่การเพิ่มรายได้ต่อหัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวเมืองไทย คาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ จากการท่องเที่ยว 2.77 ล้านล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 10”

สำหรับ 10 ประเทศที่มีความสุขเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดตามลำดับ คือ 1.ไทย 2.สิงคโปร์ 3.สวิตเซอร์แลนด์ 4.ญี่ปุ่น 5.ไอซ์แลนด์ 6.ไต้หวัน 7.เดนมาร์ก 8.อิสราเอล 9.เกาหลีใต้ 10.ฮ่องกง

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ