วันนี้ (10 เม.ย.60) เวลา 22.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมาย พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีปิดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1438 จัดโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยร่วมกับสถาบันและองค์กรมุสลิมทั่วประเทศไทย เพื่อร่วมสดุดี และศึกษาทบทวนคำสอนและพระจริยวัตรของศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม ตลอดจนถวายความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมี นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี นายวินัย ดะห์ลัน ประธานคณะกรรมการจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1438 คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด คณะกรรมการจัดงานฯ ประชาชนชาวไทยมุสลิม ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ณ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ ถนนคลองเก้า แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นสักขีพยานในการรับถ้วยรางวัลพระราชทาน รางวัลชนะเลิศการประกวดการแข่งขันการอ่านกอรีประเทศไทย ประเภทชายและหญิง พร้อมเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลชนะเลิศการอ่านกอรีอาเซียนฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยชนะเลิศฝ่ายชายเป็นผู้แทนจากประเทศอินโดนีเซียและฝ่ายหญิงเป็นผู้แทนจากประเทศมาเลเซีย รวมทั้ง มอบรางวัลชนะเลิศกอรีเยาวชนฝ่ายชายและฝ่ายหญิง รางวัลชนะเลิศการทดสอบท่องจำอัลกุรอาน รางวัลชนะเลิศฟุตบอลเมาลิดคัพ รุ่นประชาชน ประจำปี ฮ.ศ. 1438 รางวัลชนะเลิศฟุตซอล รุ่นประชาชน และรางวัลกอล์ฟประเภททีม จากนั้น ได้กล่าวปิดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1438 ว่า การจัดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยของพี่น้องชาวไทยมุสลิม นับเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นโอกาสที่ทำให้อิสลามิกชนได้ร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีและพระจริยาวัตรอันงดงามของท่านศาสดา นบีมูฮัมหมัด พร้อมทั้งได้ศึกษาทบทวนหลักคำสอนของศาสนาอย่างแจ่มแจ้ง เพื่อนำไปถือปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวันให้ชีวิตมีความสุขความเจริญ
ความศรัทธาและความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าด้วยการสวามิภักดิ์ตนอย่างสมบูรณ์ด้วยการปฏิบัติตนตามคำบัญชาของท่านศาสดา นบีมูฮัมหมัด แสดงให้เห็นถึงจิตใจอันแน่วแน่ที่จะศึกษาคำสอนเพื่อเป็นหลักในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติในสังคม พร้อมทั้งการมุ่งมั่นปฏิบัติกิจต่างๆ ของศาสนาอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะเป็นการหล่อหลอมให้อิสลามิกชนทั้งหลายมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อร่วมสร้างสรรค์สังคมให้มีความก้าวหน้าและมั่นคงต่อไป
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมของทุกศาสนา โดยศาสนาอิสลามรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนในหลายด้าน อาทิ กิจการฮัจย์ กิจการฮาลาล และกิจการศึกษา เป็นต้น เพื่อส่งเสริมพี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคนได้สามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐและกิจกรรมทางศาสนาอย่างทั่วถึงและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวล้วนเกิดจากแบบอย่างที่ดีของท่านศาสดานบีมูฮัมหมัด ที่ทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั้งเยาวชนและประชาชนทั่วไปได้ยึดถือเป็นแบบอย่างและนำไปประพฤติปฏิบัติตามเพื่อช่วยกันสร้างประโยชน์สุขให้กับสังคมและประเทศชาติ
สำหรับการจัดงานในปีนี้ได้เน้นในส่วนของเรื่องฮาลาล และมีการจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจอย่างหลากหลาย ทั้งเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบฮาลาล การให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล การสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนของ 5 จังหวัดชายแดนใต้และภาคเหนือ ซึ่งสามารถสร้างโอกาสให้กับภาคเศรษฐกิจได้เจริญเติบโต และนำไปสู่การผลักดันให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศมีความก้าวหน้าไปด้วยเช่นกัน พร้อมกล่าวว่า ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในโลก จำนวนประชากรในอาเซียนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมประมาณ 300 ล้านคน หรือเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญต่าง ๆ มากมายของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในการร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดันการพัฒนาประเทศไทยและประชาคมอาเซียนให้เจริญก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคนให้ดีขึ้น โดยการยกระดับคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ ทั้งเรื่องการศึกษา ด้านสุขภาพอนามัยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขพื้นฐานที่มีคุณภาพ การสร้างงานสร้างอาชีพเพื่อให้มีความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว ตลอดจนเรื่องระบบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนให้ดีที่สุด ตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมตัวแทนนักกอรีทุกคน ที่ผ่านการทดสอบการอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามและการฝึกฝนของทุกคน นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมนี้ที่ได้ส่งเสริมให้อิสลามิกชนได้เข้าใจหลักคำสอนของศาสนาได้อย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
-----------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th