ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร

                วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายปองพล อดิเรกสาร รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ครั้งที่ 9/2544 ซึ่งผลการประชุมสรุปได้ดังนี้
                ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2544/45 ว่า การรับจำนำข้าวโพดปี 2544/45 เป็นการรับจำนำข้าวโพดฝัก และรับจำนำข้าวโพดเมล็ดในกรณีที่เกษตรกรได้ทำการสีแล้วจากเกษตรกรที่ต้องการจะนำข้าวโพดมาจำนำไว้กับทางราชการ ในปริมาณ 650,000 ตันฝัก หรือประมาณ 500,000 ตันเมล็ด ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกจำนำข้าวโพดฝักหรือเมล็ดได้ตามความต้องการ โดยกำหนดราคารับจำนำข้าวโพดฝัก ณ ระดับความชื้นที่ 30.0-25.1% ต่อกิโลกรัมละ 2.50 บาท เกษตรกรรายใดที่สนใจเข้าร่วมโครงการรับจำนำ จะต้องขอใบรับรองความเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจาก ธ.ก.ส. แล้วนำข้าวโพดฝักหรือเมล็ดไปจำนำยังจุดรับจำนำขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่กำหนด ซึ่งจะมีเครื่องสีและหรือเครื่องอบ คลังเก็บสินค้า โดย อคส. จะออกใบประทวนการรับจำนำให้กับเกษตรกรภายใน 3 วัน สำหรับระยะเวลารับจำนำ อยู่ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2544 ระยะเวลาไถ่ถอนภายใน 2 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ ส่วนระยะเวลาโครงการอยู่ในช่วงเดือนกันยายน 2544-กุมภาพันธ์ 2545 โดยให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด กำกับดูแลการรับจำนำข้าวโพดฝักหรือเมล็ดจากเกษตรกร รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร และผู้เกี่ยวข้องทราบเรื่องการกำหนดราคารับจำนำข้าวโพดตามระดับความชื้นและจุดที่เกษตรกรจะนำข้าวโพดไปจำนำไว้กับ อคส.
                พร้อมกันนี้ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2544 ตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเสนอว่า ให้ขยายระยะเวลาฯ ออกไปอีก 2 เดือน จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2544 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2544 และให้ขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก 2 เดือนเช่นกัน คือจากเดือนเมษายน 2544-เมษายน 2545 เป็นเดือนเมษายน 2544-มิถุนายน 2545 เพื่อรองรับผลผลิตข้าวที่จะออกสู่ตลาดในเดือนกันยายน และตุลาคม 2544 ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของจังหวัดนครสวรรค์ และชมรมโรงสีพิษณุโลก ที่รายงานว่า ในช่วงเดือนกันยายน 2544 คาดว่าจะมีผลผลิตข้าวออกสู่ตลาด ประมาณ 81,739.50 ตัน และ 447,000 ตัน อีกทั้งราคาข้าวเปลือกยังมีแนวโน้มต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับข้อมูลของจังหวัดกำแพงเพชรที่ขอให้มีการขยายเวลาฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงดังกล่าว จะมีผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดได้ประมาณ 130,303 ตัน และ 431,710 ตัน ตามลำดับเช่นเดียวกัน. 
          ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 6299292,6299491 โทรสาร 2814450
          -สส-