วันนี้ (19 เม.ย.60) เวลา 09.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม "การปฏิรูปภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ" พร้อมเปิดตัวการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านระบบออนไลน์อย่างครบวงจร (e-Registration) ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ ระหว่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปยังกรมที่ดิน โดยมี นายทศพร สิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากรายงานผลการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ในปี พ.ศ. 2559 (Doing Business 2017) ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศ นั้น ทำให้รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะมีการปฏิรูปภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขับเคลื่อนการดำเนินงานแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) โดยการใช้ดิจิทัลในกระบวนการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งประสานให้ทุกหน่วยงานที่มีการให้บริการแก่ประชาชนผ่านระบบออนไลน์ พร้อมทั้งเร่งสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนใช้บริการต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ผลการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ของประเทศดีขึ้น เช่น การให้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) การให้บริการขอใช้ไฟฟ้า และการให้บริการด้านประกันสังคมผ่านระบบออนไลน์ การเปิดระบบการให้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า การดำเนินการต่าง ๆ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการออนไลน์ของภาครัฐที่เป็นการสร้างความเชื่อถือ ความเชื่อมั่นต่อระบบการให้บริการดังกล่าวไปยังผู้ประกอบการ และประชาชน ทั้งในแง่ความสะดวก รวดเร็ว ความถูกต้อง ความปลอดภัยของระบบและการเก็บรักษาข้อมูล
นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในการตัดสินใจเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย พร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุนและรองรับความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลต่ออันดับที่ดีขึ้นของประเทศไทยในการประเมินของธนาคารโลกครั้งต่อไป ตลอดจนเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและเพิ่มโอกาสในการเป็นแหล่งลงทุนที่มีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการบริหาราชการแผ่นดินและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและอำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ ตลอดจนการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในการสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมและงานบริการภาครัฐให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจทั้ง 10 ด้าน ตามวงจรธุรกิจตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจจนถึงการปิดกิจการตามข้อเสนอแนะของธนาคารโลก รวมทั้งการปรับปรุงข้อบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยหลักประกับธุรกิจและกฎหมายล้มละลาย โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตของทางราชการ ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน และสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ในวันนี้ ถือเป็นการแสดงถึงความร่วมมือและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เป็นการต่อยอดระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นการเริ่มต้นประกอบธุรกิจ เป็นฐานข้อมูลนิติบุคคลเชื่อมต่อไปยังการจดทะเบียนทรัพย์สินที่ดินของกรมที่ดิน ทำให้ผู้ประกอบการหรือประชาชนไม่ต้องให้ข้อมูลแก่ภาครัฐซ้ำอีกทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนการทำธุรกิจ
ด้าน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรม “การปฏิรูปภาครัฐเพื่ออำนวยในการประกอบธุรกิจ” ดังกล่าวเพื่อมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงความมุ่งมันของภาครัฐในการปรับปรุงบริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนผลการดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก (Doing Business) พร้อมทั้งการเปิดตัวการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านระบบออนไลน์อย่างครบวงจร (e-Registration) ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นับเป็นจุดเริ่มต้นในการประกอบธุรกิจทำให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ได้จุดเดียวและเชื่อมโยงกระบวนการจองชื่อบริษัทกับระบบการจดทะเบียนไว้ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งต่อ รวมทั้งเชื่อมโยงจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปยังกรมที่ดิน เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนทรัพย์สินต่อไป
พร้อมทั้งได้มีการพัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจโดยจัดทำเป็น Doing Business Portal หรือ Biz Portal ที่เชื่อมโยงระบบการบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ ต่าง ๆ ทั้งการจดทะเบียนนิติบุคคล การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม การขอใช้ไฟฟ้า น้ำประปา และโทรศัพท์ การชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล การชำระเงินกองทุน เงินทดแทนร่วมกับกองทุนประกันสังคม ตลอดจนการจัดการคดีด้วยอิเล็กทรอนิกส์สำหรับศาลและทนายความมาใช้ เพื่อให้เป็นจุดบริการแบบครบวงจร ที่สามารถให้บริการได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จมิใช่เพียงแค่การเปิดตัวระบบและการเชื่อมโยงบริการ แต่เป็นการจูงใจให้ภาคธุรกิจเอกชนและประชาชนมีความเชื่อมั่นและใช้บริการผ่านระบบออนไลน์ต่าง ๆ ดังกล่าวอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยสำนักงาน ก.พ.ร. ได้ร่วมกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับพัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูลในระบบดังกล่าว
อีกทั้ง ได้มีการจัดทำระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชาชนกลาง (Population Information Linkage Center) โดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชาชนของทุกภาคส่วนราชการกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรเพื่อให้เป็นระบบเดียวกัน พร้อมทั้งปรับปรุงระบบการให้บริการประชาชนรองรับการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) และระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลกลาง เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนและคุณสมบัติของผู้ขอรับบริการแทนการเรียกสำเนาเอกสารซึ่งกรมการปกครองได้จัดส่งเครื่องอ่านบัตรประชาชน (Smart Card Reader) ให้แก่หน่วยงานส่วนใหญ่แล้ว เพื่อใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลประชาชนของกรมการปกครอง ทำให้ประชาชนสามารถติดต่อขอรับบริการได้โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. ยังดำเนินการผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่อใบอนุญาต พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 อันจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้รับใบอนุญาตสามารถชำระค่าธรรมเนียมในการต่อใบอนุญาตผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ธนาคาร ระบบ e-Payment หรือศูนย์บริการร่วมหรือศูนย์รับคำขออนุญาต ก่อนวันที่ใบอนุญาตหมดอายุ ซึ่งเมื่อผู้รับใบอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมแล้วให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตได้รับการต่อใบอนุญาตตามกฎหมายแล้ว โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการทั้งหมดถือเป็นบางส่วนที่รัฐบาลมุ่งหวังในการปฏิรูปภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เพื่อจะยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก รวมทั้งยกระดับผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยมีผลการจัดอันดับเป็นอันดับที่สองของอาเซียนภายในปี 2564
----------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ข้อมูล:สำนักงาน ก.พ.ร.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th