วันนี้ (20 เมษายน 60) เวลา 13.30 น. นายอาเดล ยูซุฟ ซาตีร์ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกันและขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ในฐานะเอกอัครราชทูตบาห์เรนประจำประเทศไทยคนแรก ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งสองอย่างแข็งขันตลอดช่วง 9 ปี ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน มีความร่วมมือที่กว้างขวางในหลายมิติ และเป็นที่น่ายินดีที่ทั้งสองประเทศครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บาห์เรนในปีนี้
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่าสมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ แห่งบาห์เรน และเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ ในการเดินทางเยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 24 – 26 เมษายน 2560 ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าบาห์เรนเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เดินทางเยือนครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับบาห์เรนในฐานะมิตรประเทศของไทยเป็นอย่างมาก และรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ แห่งบาห์เรน และเข้าเฝ้าเพื่อหารือทวิภาคีและหารือเต็มคณะกับเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยให้ความสำคัญกับการเยือนในครั้งนี้ โดยประเด็นที่มุ่งเน้นคือการเพิ่มพูนความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และส่งเสริมความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ อาทิ สาธารณสุขและความมั่นคงของมนุษย์
เอกอัครราชทูตฯ ยินดีที่ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ดำเนินมาอย่างราบรื่นและก้าวหน้ามาตามลำดับในหลายมิติ และฝ่ายบาห์เรนพร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน โดยเห็นว่าไทยเป็นมิตรประเทศในเอเชียที่สำคัญ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและการพัฒนาของบาห์เรน พร้อมทั้งหวังให้ทั้งสองฝ่ายเร่งรัดผลักดันข้อตกลงที่จัดทำร่วมกันให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้บาห์เรนยังมีความต้องการพัฒนาด้านสาธารณสุข รวมถึงการแพทย์และการรักษาพยาบาล ซึ่งฝ่ายไทยมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยให้ความสำคัญในด้านสาธารณสุข และพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายบาห์เรนอย่างเต็มที่
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณฝ่ายบาห์เรนที่ให้การยกเว้นวีซ่าแก่ประชาชนไทย รวมถึงให้ความคุ้มครองและดูแลคนไทยที่พำนักในบาห์เรนเป็นอย่างดีเสมอมา
ที่มา: http://www.thaigov.go.th