นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน

ข่าวทั่วไป Wednesday April 26, 2017 15:32 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน

วันนี้ (25 เม.ย.2560) เวลา 14.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีฮามัด บิน อิซา อัล คอลิฟะห์ แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ในโอกาสเดินทางมาเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่24-26 เมษายน2560

นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระราชานุญาตฯให้เข้าเฝ้าในวันนี้ ทั้งนี้ ประเทศไทยให้ความสำคัญกับบาห์เรนในฐานะมิตรประเทศที่สาคัญในตะวันออกกลาง และยังเป็นประเทศแรกในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ได้มีโอกาสมาเยือน ประจวบเหมาะกับครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทยกับบาห์เรนในปีนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรียังกราบบังคมทูลถึงความสัมพันธ์ระดับพระราชวงศ์ของทั้งสองประเทศ มีบทบาทสำคัญยิ่งในการส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างไทยกับบาห์เรน รัฐบาลและประชาชนไทยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรนที่ได้ทรงมีข้อความ พระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และที่ได้ทรงมีข้อความพระราชสาส์นแสดงถวายพระพรชัยมงคล ต่อการขึ้นทรงราชย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีแสดงความชื่นชมถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-บาห์เรน ไทยเป็นมิตรแท้ของบาห์เรนมาโดยตลอด พร้อมยินดีผลักดันประเด็นความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลว่าไทยพร้อมเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทวิภาคีไทย – บาห์เรน ครั้งที่ 3 ซึ่งบาห์เรนจะเป็นเจ้าภาพ เพื่อจะได้ติดตามประเด็นหารือจากการเยือนครั้งนี้ และพัฒนาการของเรื่องอื่น ๆ ต่อไป

นายกรัฐมนตรียังชื่นชมนโยบาย “Economic Vision 2030” ของบาห์เรน ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรนทรงมีบทบาทสาคัญในการก่อตั้ง เพื่อความมั่งคั่ง ของชาวบาห์เรน บนพื้นฐานความยั่งยืน ความเป็นธรรม และการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน สอดคล้องกับประเรทศไทยที่ได้ริเริ่มนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่มุ่งเน้นนวัตกรรม ความรู้ เทคโนโลยี และการสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางสังคมและป้องกันการติดอยู่กับกับดักรายได้ปานกลาง ดังนั้น จึงเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันผลักดันความร่วมมือเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ โดยเฉพาะบาห์เรนสามารถสนับสนุนไทยในการขยายตลาดสินค้าฮาลาล ซึ่งไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ ส่งออกชั้นนำของโลก ซึ่งไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับบาห์เรนในประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญอีกด้วยนอกจากนี้ ไทยยังพร้อมและยินดีต้อนรับและอำนวย ความสะดวกต่อชาวบาห์เรนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา ท่องเที่ยว และชาวบาห์เรนที่เดินทางมารับการรักษาพยาบาล ด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถวายรายงานถึงความสำเร็จของการหารือทวิภาคี โดยได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน 3 ฉบับ พร้อมแสดงความขอบคุณสมเด็จพระราชาธิบดีและรัฐบาลบาห์เรนที่ดูแลคนไทยและแรงงานไทยในบาห์เรน และสนับสนุนไทยในเวทีต่างประเทศมาโดยตลอด

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ