วันนี้ (22 พ.ค. 2560) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 6 / 2560
ภายหลังเลิกการประชุมเวลาประมาณ 11.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กรรมการและเลขานุการ ฯ แถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบเรื่องการปรับระบบอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งเรียกว่า Doing Business Portal โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ธนาคารโลกได้มาวิเคราะห์ระบบเกี่ยวกับการยื่นเรื่องเพื่อประกอบธุรกิจประเด็นความยากง่ายในประเทศไทย และมีข้อสังเกตว่าเห็นควรมีการปรับปรุงระบบดังกล่าวของประเทศไทยในหลายประเด็น เช่นขั้นตอนการทำงาน การปรับระบบการใช้อิเล็คทรอนิค โดยมีการปลดล็อคข้อกฏหมายตามมาตรา 44 ทั้ง 10 ขั้นตอน ให้เข้าสู่ระบบดิจิทัลทั้งหมด เนื่องด้วยธนาคารโลกได้รายงานว่า แม้ทางประเทศไทยจะมีระบบอิเล็คทรอนิคในการทำธุรกรรมต่าง ๆ แล้วก็ตาม แต่ระบบนั้นยังไม่ใช่ระบบ One Stop Service ที่แท้จริง เมื่อติดต่อทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม ยังต้องลิ้งค์ไปยังหน้าเว็ปไซด์ของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีก ถือว่าระบบปัจจุบันนี้ยังไม่ใช่ระบบ One Stop Service ที่สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานสากล ดังเช่น ประเทศสิงคโปร์ นิวซีแลนด์ และนอร์เวย์ ซึ่งใช้ระบบสมบูรณ์แบบได้มาตรฐานแล้ว เพื่อลดขั้นตอนต่าง ๆ ดังเช่น ประเทศที่พัฒนาแล้วดำเนินการอยู่ด้วยการกรอกข้อมูลเพียงครั้งเดียวเรียกว่า การกรอกข้อมูลครั้งเดียว (Single Form)
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เร่งนำมาใช้อย่างเร่งด่วน โดยมีองค์ประกอบทั้งหมด 4 ด้าน 1.ปรับแพลตฟอร์มกลางอยู่บนระบบดิจิทัลอันเดียวกันแบบ Single Form 2.ระบบยืนยันตัวตนของประชาชนและของนิติบุคคล 3. จะต้องมีดิจิทัล ID และ 4.การวางระบบต่าง ๆ ที่รองรับอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้งบประมาณจาก กสทช. ประมาณ 4,000 ล้านบาท รวมทั้งมีการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบไปพร้อม ๆ กัน โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
เลขาธิการ ก.พ.ร. ได้กล่าวย้ำในตอนท้ายอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากมีผู้ประสงค์จะดำเนินการทำธุรกิจใด ๆ ก็สามารถเข้าเว็ปกลางเว็ปเดียว เรียกว่า Doing Business Portal ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจจนจบที่เว็ปเดียว ไม่ต้องเข้าเว็ปของแต่ละหน่วยงานอีกต่อไป ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยหลายอย่าง พร้อมยกระดับการทำธุรกิจในประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากล ที่เรียกว่าระดับชั้นนำของโลก (ระดับเวิลด์คลาส) ซึ่งจะเป็นการปฏิรูประบบการทำงานของภาคราชการสู่การทำงานที่โปร่งใสมากขึ้น ซึ่งจะมี 30 กว่าหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องในระบบดังกล่าว และเรื่องนี้จะมีการนำเสนอในที่ประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ค. 60) เพื่อให้ ครม. เห็นชอบต่อไป
***********************************
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th