วันที่.25 เมษายน 2544
วันนี้ เวลาประมาณ 10.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนอยไบ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เอกอัครราชทูตเวียดนาม ประจำประเทศไทย ข้าราชการระดับสูงของเวียดนาม และข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ. กรุงฮานอย ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางออกจากท่าอากาศยานนอยไบไปยังที่พัก ณ. โรงแรมมีเลีย ฮานอย (Melia Hanoi Hotel) และในเวลาประมาณ 12.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะได้ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน และพบปะนักธุรกิจและชาวไทยในเวียดนาม อาทิ พล.อ.อ. สมบุญ ระหงษ์ นายกิติพงษ์ มานิตยกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัทการบินไทย มหาชน ผู้บริหารบริษัท ซีพี เวียดนาม และ ซีพี กรุ๊ป ผู้จัดการฝ่ายการผลิต บริษัทเหมืองบ้านปู เป็นต้น ซึ่งภายหลังการรับประทานอาหาร นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมนักธุรกิจไทยทุกคนที่มาประกอบธุรกิจหรือลงทุนในเวียดนาม และกล่าวต่อไปว่า การมาประกอบธุรกิจในเวียดนาม จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจในกฎ กติกาที่สำคัญของประเทศนั้น และถือได้ว่า ทุกคนมีส่วนในการส่งเสริมสัมพันธภาพและมิตรภาพที่ดีระหว่างประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยนักธุรกิจทั้งหลายของไทยในเวียดนามล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจของเวียดนาม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจและน่าชื่นชม เนื่องจากความเจริญงอกงามของเศรษฐกิจเวียดนามดังกล่าวสามารถส่งผลเกื้อกูลเศรษฐกิจไทยด้วย หากนัก ลงทุนไทยในเวียดนาม พิจารณาว่ามีสิ่งใดที่สามารถร่วมมือกันได้ ก็ขอให้แจ้งแก่สถานทูตเอกอัครราชทูตไทย ในเวียดนามเพื่อดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวต่อไปว่า สภาวะเศรษฐกิจไทย ในขณะนี้ยังมีภาระหนี้อยู่จำนวนมาก ศักยภาพการแข่งขันยังอ่อนแอ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีทำงาน ปรับปรุงระเบียบกฎหมาย รัฐบาลต้องการให้ประชาชนที่ยากจนได้รับการพัฒนาให้มากที่สุด ทั้งนี้ การแก้ปัญหาหนี้เสีย ได้มีการเร่งรัดจัดตั้ง บรรษัทบริหารทรัพย์สินไทย (TAMC)
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรให้นักธุรกิจไทยในเวียดนาม ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจต่างๆ และหากมีลู่ทางการดำเนินธุรกิจใดๆ ที่เป็นการเชื่อมโยง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างไทยและเวียดนาม อาทิ การพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกัน อาทิ โครงการ East-West Corridor จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ก็จะได้หารือกันในเรื่อง EAST-EAST Corridor การใช้ท่าเรือดานัง ความร่วมมือเรื่องข้าว การประมง
ต่อมา เวลาประมาณ 14.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปยังทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งจัดให้มีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้นำนายกรัฐมนตรีขึ้นยืนบนแท่นรับความเคารพ และเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แนะนำคณะทางการไทยแก่นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้พบปะสนทนา (Courtesy Talk) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยจะมีการหารือเต็มคณะระหว่างไทยและเวียดนาม ในเวลาประมาณ 15.15 น.
จากนั้น เวลาประมาณ 17.30 น. นายกรัฐมนตรี จะได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีเวียดนาม ณ. ทำเนียบประธานาธิบดี และในเวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ. ห้องแถลงข่าวโรงแรมมีเลีย
ในตอนค่ำ ในวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ. เรือนรับรองนายกรัฐมนตรี
--------------------------------------------------------------------------------
--สำนักโฆษก--
-สส-
วันนี้ เวลาประมาณ 10.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนอยไบ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เอกอัครราชทูตเวียดนาม ประจำประเทศไทย ข้าราชการระดับสูงของเวียดนาม และข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ. กรุงฮานอย ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางออกจากท่าอากาศยานนอยไบไปยังที่พัก ณ. โรงแรมมีเลีย ฮานอย (Melia Hanoi Hotel) และในเวลาประมาณ 12.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะได้ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน และพบปะนักธุรกิจและชาวไทยในเวียดนาม อาทิ พล.อ.อ. สมบุญ ระหงษ์ นายกิติพงษ์ มานิตยกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัทการบินไทย มหาชน ผู้บริหารบริษัท ซีพี เวียดนาม และ ซีพี กรุ๊ป ผู้จัดการฝ่ายการผลิต บริษัทเหมืองบ้านปู เป็นต้น ซึ่งภายหลังการรับประทานอาหาร นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมนักธุรกิจไทยทุกคนที่มาประกอบธุรกิจหรือลงทุนในเวียดนาม และกล่าวต่อไปว่า การมาประกอบธุรกิจในเวียดนาม จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจในกฎ กติกาที่สำคัญของประเทศนั้น และถือได้ว่า ทุกคนมีส่วนในการส่งเสริมสัมพันธภาพและมิตรภาพที่ดีระหว่างประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยนักธุรกิจทั้งหลายของไทยในเวียดนามล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจของเวียดนาม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจและน่าชื่นชม เนื่องจากความเจริญงอกงามของเศรษฐกิจเวียดนามดังกล่าวสามารถส่งผลเกื้อกูลเศรษฐกิจไทยด้วย หากนัก ลงทุนไทยในเวียดนาม พิจารณาว่ามีสิ่งใดที่สามารถร่วมมือกันได้ ก็ขอให้แจ้งแก่สถานทูตเอกอัครราชทูตไทย ในเวียดนามเพื่อดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวต่อไปว่า สภาวะเศรษฐกิจไทย ในขณะนี้ยังมีภาระหนี้อยู่จำนวนมาก ศักยภาพการแข่งขันยังอ่อนแอ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีทำงาน ปรับปรุงระเบียบกฎหมาย รัฐบาลต้องการให้ประชาชนที่ยากจนได้รับการพัฒนาให้มากที่สุด ทั้งนี้ การแก้ปัญหาหนี้เสีย ได้มีการเร่งรัดจัดตั้ง บรรษัทบริหารทรัพย์สินไทย (TAMC)
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอวยพรให้นักธุรกิจไทยในเวียดนาม ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจต่างๆ และหากมีลู่ทางการดำเนินธุรกิจใดๆ ที่เป็นการเชื่อมโยง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างไทยและเวียดนาม อาทิ การพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกัน อาทิ โครงการ East-West Corridor จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ก็จะได้หารือกันในเรื่อง EAST-EAST Corridor การใช้ท่าเรือดานัง ความร่วมมือเรื่องข้าว การประมง
ต่อมา เวลาประมาณ 14.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปยังทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งจัดให้มีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้นำนายกรัฐมนตรีขึ้นยืนบนแท่นรับความเคารพ และเดินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แนะนำคณะทางการไทยแก่นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้พบปะสนทนา (Courtesy Talk) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยจะมีการหารือเต็มคณะระหว่างไทยและเวียดนาม ในเวลาประมาณ 15.15 น.
จากนั้น เวลาประมาณ 17.30 น. นายกรัฐมนตรี จะได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีเวียดนาม ณ. ทำเนียบประธานาธิบดี และในเวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ. ห้องแถลงข่าวโรงแรมมีเลีย
ในตอนค่ำ ในวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ. เรือนรับรองนายกรัฐมนตรี
--------------------------------------------------------------------------------
--สำนักโฆษก--
-สส-