รอง นรม. พลอากาศเอก ประจินฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ย้ำทุกฝ่ายสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจหาแนวร่วมเพิ่มจำนวนการทำเกษตรอินทรีย์ให้มากขึ้น

วันนี้ (29 พ.ค.60) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 109 ชั้น 1 อาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ 1/2560 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดการประชุมฯ ว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติวันที่ 11 เมษายน 2560 เห็นชอบเรื่อง (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 -2564 ตามที่คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ได้ยกร่างและเห็นชอบในหลักการไว้ ซึ่งมีประเด็นยุทธศาสตร์ 4 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1) ส่งเสริมการวิจัย การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ 2) พัฒนาการผลิตสินค้าและบริการเกษตรอินทรีย์ 3) พัฒนาการตลาดสินค้าและบริการ และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และ 4) การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ ให้เพิ่มประเด็นมาตรการในเรื่องของการประชาสัมพันธ์เกษตรอินทรีย์ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวด้วย เพื่อให้เกษตรกร ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและเกิดความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดูแลตลอดห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง รวมถึงในเรื่องของต้นทุนการผลิต และการตลาด เพื่อร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้ง เห็นชอบให้เพิ่มองค์ประกอบในคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ โดยเพิ่มผู้แทนกรมวิชาการเกษตร เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 -2564

สำหรับวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 -2564 คือ “ประเทศไทยเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค ด้านการผลิต การบริโภค การค้า สินค้า และการบริการเกษตรอินทรีย์ที่มีความยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล” โดยมีเป้าหมาย ดังนี้ 1) มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ไม่น้อยกว่า 600,000 ไร่ ภายในปี 2564 2) เพิ่มจำนวนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ไม่น้อยกว่า 30,000 ราย ภายในปี 2564 3) เพิ่มสัดส่วนตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศต่อตลาดส่งออก โดยให้มีสัดส่วนตลาดในประเทศร้อยละ 40 ต่อตลาดส่งออกร้อยละ 60 และ 4) ยกระดับกลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีพื้นบ้านเพิ่มขึ้น

อีกทั้ง รองนายกรัฐมนตรี ขอให้คณะกรรมการฯ ยึดหลักการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 -2564 ซึ่งคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบแล้ว เพื่อช่วยกันดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้ง ให้สร้างการรับรู้ให้ประชาชนและกลุ่มเป้าหมายเกิดความเข้าใจ เพื่อหาแนวร่วมในการที่จะเพิ่มจำนวนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ให้มากขึ้น

------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th