วันนี้ (1 มิ.ย.60) เวลา 10.00 น. ที่หอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดน่าน นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเสริมสร้างเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาค ครั้งที่ 3 พร้อมบรรยายพิเศษ “บทบาทการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาค” เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลข่าวสารและรับรู้ถึงสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการผู้บริโภคมีภารกิจสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานจัดการกลไกคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดและท้องถิ่น และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในพื้นที่ส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งทำหน้าที่ประสานกับคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดทุกจังหวัด โดยการเสริมสร้างและสนับสนุนเครือข่ายผู้บริโภคในส่วนภูมิภาค การเพิ่มขีดความสามารถ ศักยภาพ ทักษะ ความรู้ความเข้าใจ และเสริมสร้างความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคให้กับประชาชน ได้มีความรู้ความเข้าใจในฐานะผู้บริโภค ให้รู้จักคุ้มครองสิทธิของตนเองโดยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่เพิกเฉยที่จะเรียกร้องสิทธิของตนเอง หรือได้รับอันตรายจากการบริโภคสินค้า
โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้บรรยายพิเศษเรื่อง “นโยบายการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาค” โดยได้เน้นย้ำให้ประชาชนทราบถึงอำนาจหน้าที่ ในการให้ความคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การรับเรื่องราวร้องทุกข์ ติดตามสอดส่องพฤติการณ์ของผู้ประกอบธุรกิจ อันมีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค รวมทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดน่านและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่านที่ได้ให้บริการประชาชนเป็นอย่างดี สามารถเข้าถึงประชาชนได้ ตามนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค และส่งเสริมบทบาทขององค์กรภาคเอกชนและภาคประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของประชาสังคมและชุมชนท้องถิ่น
จากนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง วิสาหกิจชุมชนชีววิถีบ้านน้ำเกี๋ยน อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นชุมชนนำร่องแห่งแรกที่ประชาชนหันมาพึ่งพาตนเอง โดยใช้สมุนไพรจากป่าและสมุนไพรจากสวนครัวหลังบ้าน ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ เพื่อลดการใช้สารเคมีและลดรายจ่ายภายในครัวเรือน สร้างอาชีพสร้างรายได้สู่ชุมชน รวมทั้งยังช่วยให้เกิดการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรของชุมชน สร้างระบบเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th