วันนี้ (11 มิถุนายน 2560) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยให้ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งความพยายามของรัฐบาลทั้งการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อันดับความโปร่งใสของไทยจากการประเมินขององค์กรต่าง ๆ ดีขึ้น เช่น World Justice Project (WJP) International Country Risk Guide (ICRG) รวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ IMD เพิ่งประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
"คะแนนการประเมินของแต่ละองค์กรมาจากทั้งสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการและมุมมองของคนทั่วไปโดยเฉพาะนักธุรกิจที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จ เช่น การออกกฎหมายจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต การลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด การป้องกันไม่ให้มีการให้หรือรับสินบน การลงนามสัญญาคุณธรรมในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นต้น
ท่านนายกฯ ได้เน้นย้ำว่าทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเป็นหูเป็นตา ไม่ปล่อยให้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม โดยยกตัวอย่างกรณีของ ผวจ.กาฬสินธุ์ และข้าราชการในจังหวัดที่ไม่เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนการทุจริตเรียกเงินช่วยเหลือการสอบวินัยของผู้บริหารท้องถิ่น และได้วางแผนจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในขณะที่กำลังรับเงินจากผู้เสียหายบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อส่งตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย"
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า สังคมมีความคาดหวังอย่างมากว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น จึงอยากให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชนไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหรือผู้มีอำนาจ และจะต้องแก้ปัญหาของประเทศที่ต้นเหตุ ด้วยข้อเท็จจริง อย่างมีคุณธรรม
“ท่านนายกฯ อยากเห็นคนไทยปรับความคิดใหม่ว่า การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเริ่มที่ตัวเอง เช่น ต้องรู้จักแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเอง ไม่นิ่งเฉยต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อประชาชนเข้มแข็ง ชุมชนแข็งแรง ประเทศชาติก็จะดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอความหวังจากนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th